ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียระบุว่ารัฐบาลจะจับตาการส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ “แพทริออต” ที่สหรัฐฯประกาศส่งมอบให้กับยูเครน หลังจากที่ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน
โดย ปูติน ระบุว่า ระบบขีปนาวุธแพทริออตเป็นอาวุธที่เก่ามากแล้ว และทำงานได้ไม่ดีเหมือนกับระบบต้านขปนาวุธ S-300 ของรัสเซีย พร้อมแสดงความมั่นใจว่า รัสเซียจะหาวิธีแก้เกมการใช้งานแพทริออตของฝ่ายยูเครนได้
สหรัฐฯ สนับสนุนยูเครน ประกาศมอบขีปนาวุธแพทริออต สู้เพื่อสันติภาพ
รัสเซีย ยืนกรานทำสงครามกับยูเครนต่อเนื่อง ลั่นเทศกาลคริสต์มาสก็จะไม่หยุดยิง
ขณะที่ นาง มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประท่างประเทศรัสเซียวิจารณ์ว่า การพบกันระหว่าง ผู้นำสหรัฐ และผู้นำยูเครน ที่ทำเนียบขาวแสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศนี้ไม่ต้องการสันติภาพ และต้องการให้การสู้รบดำเนินต่อไป
ด้าน นาย ดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่าการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของผู้นำยูเครน ไม่มีฝ่ายใดที่เรียกร้องสันติภาพเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ กำลังทำสงครามตัวแทนกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ยูเครนจะสามารถใช้แพทริออตในการสู้รบได้เมื่อใด เนื่องจากเป็นระบบที่มีความซับซ้อน และจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกบุคลากรเป็นเวลาหลายเดือน รวมทั้งต้องเตรียมการขนส่งยุทโธปกรณ์ที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างว่าเกาหลีเหนือได้ขายอาวุธให้กับบริษัท “วากเนอร์ กรุ๊ป” ในรัสเซียที่ส่งทหารรับจ้างไปร่วมรบในยูเครน เมื่อเดือนที่แล้วจากเนอร์กรุ๊ปได้รับมอบจรวด และขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อมติของสหประชาชาติ ทำให้สหรัฐจะต้องใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อบริษัทดังกล่าว
ขณะที่ นาย จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านคามมั่นคงประจำทำเนียบขาว ระบุว่า วากเนอร์กรุ๊ป กำลังมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจบดบังความสำคัญของกระทรวงต่างๆในรัสเซีย รวมทั้งกระทรวงกลาโหม
ขณะที่สถาบันสงครามศึกษาในกรุงวอชิงตันดีซีของสหรัฐฯ ประมินว่ารัสเซียอาจกำลังเตรียมความพร้อมปฏิบัติการภาคพื้นดิน เพื่อบุกยูเครนระลออกใหม่ในช่วงฤดูหนาวนี้ หลังจากที่เมื่อวานนี้กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ประกาศแผนเพิ่มกำลังทหารอีก 30 เปอร์เซนต์ให้เป็น 1.5 ล้านนาย โดยสถาบันสงครามศึกษาประเมินว่าแม้ในขณะนี้เศรษฐกิจของรัสเซียยังไม่อำนวยต่อการขยายกองทัพ แต่เชื่อว่า ประธานาธิบดี ปูติน อาจใช้วิธีโยกย้ายงบประมาณด้านอื่นๆ มาใช้เพื่อการสู้รบอย่างเต็มรูปแบบแม้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและความสะดวกสบายของผู้บริโภค
ส่วนเป้าหมายของแผนการบุกระลอกใหม่นี้ คือ การบีบบังคับให้รัฐบาลยูเครนเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลรัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบ หลังจากประสบความล้มเหลวในการสร้างแรงกดดันต่อยูเครนด้วยการโหมโจมตีพื้นที่ด้านตะวันออก