สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนผ่านมา 10 เดือนก้าวเข้าสู่เดือนที่ 11 แล้ว แต่ความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ดูเหมือนจะติดอยู่ในสภาวะคอขวด รัสเซียยึดยูเครนไม่ได้ ส่วนยูเครนก็ขับไล่รัสเซียออกไปจากแผ่นดินไม่ได้
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เปิดเผยว่า รัสเซียต้องการยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด โดยอาจจะต้องใช้การแก้ปัญหาด้วยการทูตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปูติน เย้ยขีปนาวุธแพทริออต ศักยภาพอ่อนด้อยกว่าขีปนาวุธ S-300 ของรัสเซีย
สหรัฐฯ ไม่สนรัสเซีย ส่งระบบ“แพทริออต”ให้ยูเครน
พร้อมทุ่มกำลังทรัพย์! ปูตินสัญญา “จะให้ทุกอย่างที่กองทัพร้องขอ”
เป้าหมายของเราไม่ใช่การหมุนวงล้อแห่งความขัดแย้งทางทหาร แต่ในทางกลับกัน เพื่อยุติสงครามนี้ต่างหาก ... เราจะพยายามทำให้เรื่องนี้จบลง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
เขาเสริมว่า “ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่า การสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้นจะนำไปสู่การสูญเสียที่ไร้เหตุผล”
ปูตินกล่าวอีกว่า “ความขัดแย้งทางอาวุธทั้งหมดจะจบลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งด้วยการเจรจาบางอย่างบนแนวทางการทูต ... ไม่ช้าก็เร็ว ฝ่ายใดก็ตามที่อยู่ในความขัดแย้งจะนั่งลงและทำข้อตกลงกัน ยิ่งผู้ที่ต่อต้านเราตระหนักได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เราไม่เคยยอมแพ้กับเรื่องนี้”
ที่ผ่านมา รัสเซียกล่าวมาโดยตลอดว่าพร้อมจบความขัดแย้งด้วยการเจรจา และเปิดโอกาสในการพูดคุยมาโดยตลอด แต่ยูเครนปฏิเสธที่จะพูดคุยกันด้วยเหตุผล
ทั้งนี้ ยูเครนเคยยื่นเงื่อนไขว่า หากต้องการเจรจา รัสเซียจะต้องคืนภูมิภาคไครเมียของยูเครนที่รัสเซียผนวกไปโดยไม่ชอบ รวมถึงต้องเลิกยุ่งกับภูมิภาคดอนบาส (ยูเครนตะวันออก) ที่รัสเซียให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอยู่ ทำให้รัสเซียไม่ยอมเจรจาด้วย
ความเห็นนี้ของปูตินเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เดินทางเยือนสหรัฐฯ และเข้าพบประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งให้สัญญาว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนยูเครนต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
ด้าน จอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าปูตินเต็มใจที่จะเจรจาเพื่อยุติสงคราม “ค่อนข้างตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ... ทุกสิ่งที่ปูตินทำทั้งบนพื้นดินและในอากาศเป็นการกระทำของชายคนหนึ่งที่ต้องการใช้ความรุนแรงต่อชาวยูเครนต่อไป”
เคอร์บีย้ำว่า ไบเดนพร้อมเจรจากับปูติน แต่ผู้นำรัสเซียต้องแสดงความจริงจังในการเจรจา
สำหรับคำพูดล่าสุดของปูตินที่ต้องการจบสงครามโดยเร็วที่สุดนี้ ยูเครนและพันธมิตรสงสัยว่า อาจเป็นอุบายเพื่อซื้อเวลา หลังจากรัสเซียพ่ายแพ้และต้องล่าถอยหลายครั้ง โดยอาจกลับมาบุกเต็มกำลังอีกครั้งในช่วงเดือน ก.พ. ปีหน้า
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก AFP