แถลงการณ์จากโฆษกตำรวจในจังหวัดอาเจะห์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกสุดของอินโดนีเซีย ระบุว่า ผู้อพยพโรฮิงญากลุ่มนี้ มีด้วยกัน 185 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 83 คน ผู้หญิง 70 คน และเด็กอีก 32 คน ซึ่งเรือไม้ของพวกเขามาขึ้นฝั่งที่ชายหาดในจังหวัดอาเจะห์ ตั้งแต่ 17.30 น.วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีชุมชนชาวประมงในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือ และนำอาหารมาแบ่งให้
หลังขึ้นฝั่ง ผู้อพยพทั้งหมด ซึ่งอยู่ในสภาพผอมและอ่อนแรง ถูกส่งตัวไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยมีทีมแพทย์เข้าไปช่วยดูอาการและรักษาผู้ที่มีอาการป่วย
UNSC โหวตจี้รัฐบาลทหารเมียนมาร์ปล่อยนักโทษทางการเมืองและซูจี
ตั้งข้อหากองทัพเมียนมา “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” แค่เสือกระดาษที่ไร้พลัง?
เบื้องต้น พบว่า หลายคนมีภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง และเด็กบางคนอาเจียนออกมา
ส่วนรายละเอียดเรื่องต้นทาง และการเดินทางของพวกเขา ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ผู้อพยพวัย 14 ปี ที่มากับเรือบอกว่าพวกเขาเดินทางมาจากค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ ล่องเรือมาด้วยความหวังว่าทางการอินโดนีเซียจะให้โอกาสพวกเขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่และเข้ารับการศึกษา
สำหรับเรือโรฮิงญาลำนี้ ถือเป็นเรือลำที่ 2 ที่ขึ้นฝั่งอินโดฯ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่เป็นลำที่ 4 ในรอบหลายเดือน โดยเรือที่มาขึ้นฝั่งก่อนหน้านี้ เป็นเรือไม้บรรทุกผู้ลี้ภัยโรฮิงญาเพศชาย 57 คน ที่เครื่องยนต์เรือเสียและต้องรอนแรมอยู่กลางทะเลมานานนับเดือน
ลูกเรือส่วนใหญ่อยู่ในสภาพหิวโหยและอ่อนแรงเช่นกัน โดยมีอย่างน้อย 3 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ทั้งนี้ ในแต่ละปี จะมีชาวมุสลิมโรฮิงญาจำนวนมาก หลบหนีการกดขี่และปราบปรามอย่างรุนแรงจากรัฐยะไข่ ของเมียนมา ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือพุธ โดยส่วนหนึ่งจะเลือกเสี่ยงชีวิตด้วยการลงเรือไม้ที่ไม่แข็งแรง หวังไปขึ้นฝั่งที่มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวประมงในจังหวัดอาเจะห์ได้ให้ความช่วยเหลือเรือผู้ลี้ภัยโรฮิงญาจากกลางทะเลอยู่บ่อยครั้ง แต่ระยะหลัง เริ่มลังเลที่จะช่วยเหลือ เรือส่วนใหญ่ที่มาในระยะหลังจึงมักเป็นเรือที่ถูกคลื่นลมพัดพามาเกยฝั่งเอง