เมื่อวานนี้ พลเอกอาวุโส มิน อ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาปรากฏตัวระหว่างการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี วันประกาศอิสรภาพของเมียนมา ที่กรุงเนปิดอว์ พร้อมทั้งกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้านายทหาร และข้าราชการพลเรือนจำนวนมากระหว่างตรวจการเดินสวนสนามครั้งใหญ่ โดยในบางช่วงบางตอน ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาได้ออกมาพูดถึงบางองค์กร และบางประเทศที่พยายามแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมา พร้อมทั้งขอบคุณประเทศต่างๆ รวมถึงอินเดีย และจีน ที่คอยสนับสนุน และให้ความร่วมมือมากับเมียนมา มาโดยตลอด
อียู สั่งปรับเงินเมตา 14,000 ล้านบาท หลังทำผิดกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล
จีนระส่ำ โควิดพ่นพิษหนัก ผู้ป่วยทะลักโรงพยาบาลเมืองใหญ่
ทั้งนี้ในวันดังกล่าว มิน อ่องหล่าย ยังได้ประกาศรายละเอียดสำหรับการเลือกตั้งในปีนี้ โดยย้ำว่า รัฐบาลทหารเมียนมาจะจัดการเลือกตั้งที่เป็นอิสระ และยุติธรรมภายในเดือนสิงหาคม และจะส่งต่อหน้าที่เเห่งรัฐไปยังพรรคที่ชนะเลือกตั้ง ตามมาตรฐานประชาธิปไตย
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทั้งใน และต่างประเทศสนับสนุนหลักการในสิ่งที่เขาเรียกว่า ระบบประชาธิปไตยที่เเท้จริงแบบหลายพรรค ซึ่งหลักการที่ว่านี้ เป็นสิ่งที่ฝ่ายทหารเมียนมากำหนดให้เป็นเป้าหมาย หลังจากโค่นอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางออง ซาน ซูจีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021
ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่า แผนจัดการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความพยายามในปรับภาพลักษณ์การยึดอำนาจให้ดูเหมือนเป็นปกติมากขึ้น และเชื่อว่ากระบวนการเลือกตั้งจะถูกควบคุมโดยทหาร และเวลานี้กองทัพเมียนมาได้ใช้เวลา 2 ปีที่ผ่านมาบั่นทอนความเข้มเเข็งของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ เมื่อวานนี้ มิน อ่องหล่าย ได้มีการประกาศอภัยโทษต่อนักโทษ 7,012 คน พร้อมทั้งลดโทษบางส่วนให้กับนักโทษรายอื่นที่ไม่ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอุกฉกรรจ์ แต่ไม่มีสัญญาณว่านางออง ซาน ซูจีจะได้รับการลดหย่อนโทษแต่อย่างใด
สำหรับนางอองซาน ซูจี วัย 77 ปี กำลังอยู่ในช่วงรับโทษจำคุกรวม 33 ปี จากการดำเนินคดีของกองทัพเมียนมา ในข้อหาการนำเข้าเครื่องรับส่งวิทยุ การละเมิดกฎหมายว่าด้วยความลับราชการ การละเมิดกฎควบคุมโควิด-19 และอีกหลายสิบคดี หลังเผชิญกับการไต่สวนนานถึง 18 เดือน
ขณะที่หลังการยึดอำนาจของรัฐบาลทหารเมียนมา ก็เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ไปทั่วประเทศ โดยกองทัพเมียนมาได้เข้าปราบปรามกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างรุนแรง รวมถึงโจมตีทางอากาศ และสู้รบกับชนกลุ่มน้อยติดอาวุธที่ลุกฮือต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ท่ามกลางเสียงประณามจากนานาชาติ
แม้ว่าเวลานี้ยังคงเกิดการสู้รบในส่วนต่าง ๆ ของเมียนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ มิน อ่องหล่าย ย้ำว่า ความขัดแย้งภายประเทศที่มีการต่อสู้โดยใช้อาวุธต้องยุติลง เพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และสันติสุขในชาติ