ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้สั่งสอบสวนหาสาเหตุปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักงานควบคุมการบินของรัฐบาลสหรัฐฯ (FAA) ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดี ไบเดน ระบุว่า อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่จะทราบสาเหตุที่แท้จริง พร้อมยอมรับว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าปัญหาดังกล่าว เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์หรือไม่ แต่ได้หารือประเด็นดังกล่าวกับรัฐมนตรีคมนาคมแล้ว
WHO เผยยังไม่พบโอมิครอน XBB 1.5 ที่ทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม
เป๊ป ยอมรับ แมนฯซิตี้ สมควรตกรอบ คาราบาว คัพ
ขณะที่รัฐมนตรีคมนาคมของสหรัฐฯ เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ปัญหาระบบล่มเป็นปัญหาจากความผิดปกติของข้อความแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยที่ส่งให้กับนักบิน พร้อมระบุว่า การสั่งระงับการบินชั่วคราว ถือเป็นสิ่งที่ตัดสินใจถูกต้อง เพื่อให้แน่ใจว่า ข้อความที่ส่งไปให้นักบินนั้นถูกต้อง และยืนยันว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานการโจมตีทางไซเบอร์
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุระบบคอมล่ม FAA ได้สั่งการให้สายการบินต่างๆ ระงับการเดินทางขาออกในประเทศทั้งหมดเป็นการชั่วคราว และรีเซ็ตระบบใหม่ ด้าน FlightAware เว็บไซต์ติดตามเส้นทางการบิน ระบุว่า จากปัญหาดังกล่าว ส่งผลทำให้เที่ยวบินมากกว่า 7,800 เที่ยวต้องล่าช้า และถูกยกเลิกไป 1,200 เที่ยวบิน
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นของสายการบินสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในช่วงการซื้อขายล่วงหน้าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นของเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ปรับตัวลดลง 2.4% ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเดลต้า แอร์ไลน์, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ และอเมริกันแอร์ไลน์ ปรับตัวลดลง 1%
จนถึงตอนนี้มีรายงานว่า สายการบินต่างๆ ค่อยๆ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง โดย FAA ระบุว่า การจราจรทางอากาศกำลังกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ก็มีรายงานว่าผู้โดยสารจะยังคงเผชิญกับเที่ยวบินล่าช้า และมีการยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนต่อไป