เมื่อวันอาทิตย์ (22 ม.ค.) ที่ผ่านมา เกิดเรื่องใหญ่ในยูเครน นั่นคือข่าวการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานในอดีตประเทศโซเวียตแห่งนี้
เดนิส ชมีฮาล นายกรัฐมนตรียูเครน ประกาศสั่งปลด วาซิล โลซินกี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาชุมชน ดินแดน และโครงสร้างพื้นฐาน ออกจากตำแหน่ง หลัง 1 วันก่อนหน้านั้นถูกสำนักงานต่อต้านการทุจริตแห่งชาติยูเครน (NABU) จับกุมในข้อหารับสินบน
สหรัฐฯประเมิน ยูเครนไร้หนทางชนะรัสเซีย หลังเยอรมนีปฏิเสธส่งรถถังช่วย
วิเคราะห์สาเหตุ เยอรมนีไม่ส่ง “รถถังเลพเพิร์ด 2” ช่วยยูเครน รบสงคราม
กลัวเมืองหลวงเป็นเป้า! ตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธหลายจุดกลางกรุงมอสโก
NABU กล่าวว่า โลซินกีซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2020 “ได้เงิน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13 ล้านบาท) เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างซื้ออุปกรณ์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในราคาที่สูงเกินจริง”
คาดว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดังกล่าวจะถูกนำมาใช้รับมือปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าหลังจากถูกรัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
นี่นับเป็นการทุจริตครั้งใหญ่ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงยูเครน การจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ดังกล่าวในราคาสูงเกินจริงทำให้ผู้รับประโยชน์กินเงินส่วนต่างไปอย่างมหาศาล และนับเป็นการใช้งบของประเทศเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่องบประมาณในภายหลังของยูเครนได้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า กระทรวงกลาโหมของยูเครน ก็ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างเสบัยงอาหารในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด หนึ่งในนั้นคือ ไข่ ซึ่งราคาในร้านค้าทั่วไปอยู่ที่ประมาณฟองละ 7 ฮรีฟเนีย (6 บาท) แต่ในสัญญาจัดซื้อราคาไข่กลับสูงถึง 16.7 ฮรีฟเนีย (15 บาท) ต่อฟอง แพงกว่าปกติ 2.5 เท่า ขณะที่การจัดซื้อมันฝรั่งก็ให้ราคาสูงกว่าราคาขายปลีกมากกว่า 2 เท่า
สัญญาจัดซื้อนี้เพิ่งลงนามไปเมื่อไม่นานมานี้ รวมงบประมาณที่ใช้ 1.3 หมื่นล้านฮรีฟเนีย (1.45 หมื่นล้านบาท)
อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมยูเครนออกมาปฏิเสธว่ารายงานดังกล่าวไม่เป็นความจริง และกล่าวว่า “ซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนที่กำหนดโดยกฎหมาย” และเสริมว่าจะมีการสืบสวนว่าใครเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
กระทรวงกลาโหมกล่าวว่า จะเริ่มการตรวจสอบภายในและจัดการประชุมฉุกเฉินกับรัฐมนตรีกลาโหม โอเล็กซีย์ เรซนิคอฟ ในวันนี้ (23 ม.ค.) “หากตรวจพบการละเมิดในการทำงานของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม พวกเขาจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายปัจจุบัน”
เรื่องนี้ร้อนไปถึงประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ซึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า การทุจริต ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และให้คำมั่นว่าจะมีการตัดสินใจสำคัญในการถอนรากถอนโคนการคอร์รัปชันในสัปดาห์นี้
“ผมข้อพูดอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีการหวนกลับไปสู่สิ่งที่ยูเครนเคยเป็นในอดีต ในการที่ผู้คนมากมายใกล้ชิดกับสถาบันของรัฐ หรือการใช้เวลาทั้งชีวิตในการไล่ล่าเก้าอี้ตำแหน่ง” เซเลนสกีกล่าว
ยูเครนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลที่อ่อนแอ ในปี 2021 ดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้จัดอันดับความโปร่งใสด้านการคอร์รัปชันของยูเครนไว้ที่ 122 จาก 180 ประเทศ ซึ่งแย่เป็นอันดับ 2 ในหมู่ประเทศยุโรป ส่วนแย่ที่สุดของยุโรปคือรัสเซีย อยู่ในอันดับที่ 136 ของโลก
ทั้งนี้ การคอร์รัปชันในยูเครนเป็นหนึ่งในข้ออ้างที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะถูกรัสเซียหยิบยกนำมาใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมในการรุกราน ชูธงคุณธรรมยกทัพปราบนักการเมืองโกง
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ยูเครนจะต้องพยายามหาทางปราบหรือลดการทุจริตคอร์รัปชันให้ได้มากที่สุด ทั้งเพื่อลดความเสียหายภายใน และเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้ถูกนำไปสร้างความชอบธรรมให้กับสงครามครั้งนี้
หากเปรียบเทียบสงครามกับรัสเซียที่ยูเครนกำลังเชิญในขณะนี้ว่าเป็น “ไฟ” ที่กำลังลุกลามเข้ามาจากภายนอก การคอร์รัปชันภายในประเทศยูเครนขณะนี้ก็เปรียบเสมือนกับ “พิษร้าย” ที่มีแนวโน้มว่าจะบ่อนทำลายยูเครนจากภายใน
เรียบเรียงจาก Reuters / Euro News
ภาพจาก AFP PHOTO / UKRAINIAN EMERGENCY SERVICE / Shutterstock
