จากกรณีเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในตุรกีขนาด 7.8 แมกนิจูด จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ท่ามกลางความช่วยเหลือจากรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลกที่กำลังหลั่งไหลไปที่นั่น
หนึ่งในหน่วยงานดังกล่าวคือ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ (UNICEF) ซึ่งได้ออกมาแสดงความกังวลถึงผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อประชากรเด็กในประเทศตุรกีและซีเรีย ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่จะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติมากที่สุด
แผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรีย คร่าชีวิตแล้วกว่า 5,000 ราย
เฉลี่ย 2 ปีต่อครั้ง! ทำไม “แผ่นดินไหวตุรกี” เกิดขึ้นบ่อยและรุนแรง?
WHO ชี้เหยื่อแผ่นดินไหวตุรกี อาจพุ่งสูงขึ้นอีก 8 เท่า
เจมส์ เอลเดอร์ โฆษกยูนิเซฟ กล่าวว่า “นี่เป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ในรอบเกือบ 100 ปี และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเด็กและครอบครัวที่เปราะบางในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ”
เขาเสริมว่า “อาคารบ้านเรือนหลายพันหลังถูกทำลาย ทำให้หลายครอบครัวต้องพลัดถิ่นและต้องเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงเวลานี้ของปีที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเป็นประจำ และมีหิมะตกและฝนเยือกแข็งเป็นเรื่องปกติ”
เอลเดอร์ระบุว่า อีกหนึ่งกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้มากที่สุดคือครอบครัวผู้พลัดถิ่น
“ครอบครัวผู้พลัดถิ่นทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย และครอบครัวผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในตุรกีในการตั้งถิ่นฐานอย่างไม่เป็นทางการ เป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุด เนื่องจากอุณหภูมิในชั่วข้ามคืนยังคงลดต่ำลงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส” เอลเดอร์กล่าว
เขาบอกว่า เดิมทีนี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียอยู่แล้ว ชุมชนผู้พลัดถิ่นกำลังต่อสู้กับการระบาดของอหิวาตกโรคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงฝนที่ตกหนักและหิมะตก ทำให้แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นการซ้ำเติมเหล่าผู้พลัดถิ่นอย่างหนักหน่วง
นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นหลายอย่าง “แม้เราจะยังไม่มีตัวเลขที่ยืนยันได้ แต่เราทราบดีว่าโรงเรียน โรงพยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์และการศึกษาอื่น ๆ ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเด็ก ๆ อย่างมาก”
เอลเดอร์บอกว่า ยูนิเซฟในซีเรียกำลังพยายามสร้างความมั่นใจว่าเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจะสามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัยและบริการด้านสุขอนามัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเจ็บป่วยในช่วงภัยพิบัติ
นอกจากนี้ยังต้องมีการคุ้มครองเด็ก รวมถึงระบุตัวเด็กที่พลัดจากครอบครัวและไม่มีผู้ปกครองดูแล และหาทางให้พวกเขาได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้งเช่นเดียวกับการปฐมพยาบาลด้านจิตใจให้กับเด็ก
ในด้านการศึกษา โรงเรียนในตุรกีและหลายพื้นที่ของซีเรียประกาศปิดทำการในสัปดาห์หน้า และหลายแห่งเปิดเป็นศูนย์พักพิงให้เด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบและพลัดถิ่นชั่วคราว และการทำให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ สามารถกลับเข้าเรียนได้โดยเร็วที่สุดนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ขณะที่เวชภัณฑ์และชุดปฐมพยาบาลมีอยู่ไม่มาก ยูนิเซฟจึงพยายามที่จะส่งความช่วยเหลือจากคลังเวชภัณฑ์ที่ใกล้ที่สุดในเลบานอนและจอร์แดน โดยได้ส่งเสบียงฉุกเฉินสำหรับห้องผ่าตัดพร้อมกับเสบียงโภชนาการ เช่น ขนมปังกรอบที่ให้พลังงานสูงไปแล้ว
เอลเดอร์บอกว่า “ประชากรผู้พลัดถิ่นในซีเรียต้องการอาหารและโภชนาการที่จำเป็น การดูแลให้มั่นใจว่าเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีและสตรีมีครรภ์ได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องราวแย่ลงไปอีก ยูนิเซฟกำลังประสานงานการตอบสนองด้านโภชนาการกับหน่วยงานและพันธมิตรอื่นๆ ของสหประชาชาติ ระดมเสบียงโภชนาการที่จำเป็นจากทั่วภูมิภาค และส่งมอบบริการด้านสุขภาพและโภชนาการที่จำเป็นผ่านทีมเคลื่อนที่”
เขาเสริมว่า “ในตรุกี ความพยายามมุ่งเน้นไปที่การค้นหาและกู้ภัย และยูนิเซฟกำลังประสานงานกับรัฐบาลและฝ่ายจัดการภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับความต้องการที่เชื่อมโยงกับการตอบสนองด้านมนุษยธรรมในวงกว้าง การสนับสนุนของเราจะรวมถึงชุดสุขอนามัย ผ้าห่ม และเสื้อผ้ากันหนาว”
เหตุแผ่นดินไหวตุรกีครั้งนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8,000 ราย และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นอีก