เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 ก.พ.) ทางกองทัพสหรัฐฯ เผยว่าค้นพบกลไกของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่เชื่อว่าเป็นกลไกและอุปกรณ์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง จากบอลลูนสอดแนมของจีนที่ถูกยิงตกเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กองบัญชาการทหารสหรัฐฯ ทางภาคเหนือ (USNORTHCOM) ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราสามารถกู้ซากบอลลูน ณ จุดที่ถูกยิงตกไว้ได้ พร้อมพบเซ็นเซอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ตลอดจนชิ้นส่วนขนาดใหญ่อื่น ๆ”
ความแตกต่าง ระหว่าง"บอลลูนพยากรณ์อากาศ-บอลลูนสอดแนม"
สหรัฐเผย วัตถุปริศนาเหนือน่านฟ้าที่พบในช่วงนี้ “ไม่ใช่ฝีมือเอเลี่ยน”
บอลลูนขนาดยักษ์ดังกล่าวถูกทางการสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-22 ยิงตกนอกชายฝั่งรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังลอยอยู่เหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ กว่า 1 สัปดาห์ ซึ่งทางรัฐบาลจีนออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่อุปกรณ์ในการสอดแนมสหรัฐฯ หากแต่เป็นเพียงบอลลูนเพื่อการศึกษาวิจัยสภาพอากาศเท่านั้น
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เร่งศึกษาวิเคราะห์ซากบอลลูนดังกล่าว เพื่อประเมินว่าต้องเตรียมการเฝ้าระวังใด ๆ หรือไม่ หรือต้องเตรียมการเฝ้าระวังระดับใด แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนใหญ่ของบอลลูน เช่นการประเมินน้ำหนักก่อนโดนยิงตกหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พบ ซึ่งตอนนี้ทางกองทัพรวบรวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พบในบอลลูนมาศึกษาวิเคราะห์เป็นที่เรียบร้อย
การตรวจพบบอลลูนสอดแนมดังกล่าว รวมถึงบอลลูนอีก 3 ลูกให้หลัง เป็นการตรวจพบภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตื่นตัวเป็นอย่างมาก เพราะกังวลว่าอาจมีอุปกรณ์สอดแนมที่เรดาห์ไม่สามารถตรวจพบได้ เพื่อใช้รวบรวมข่าวกรองจากสหรัฐฯ รวมถึงประเทศอื่น ๆ แฝงอยู่ในเครื่องบินของสายการบินสหรัฐฯ
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า วัตถุดังกล่าวไม่ใช่ภัยคุกคามทางการทหารต่อพลเรือนสหรัฐฯ หากแต่จะเป็นอันตรายและเสี่ยงต่อพลเรือนที่เดินทางโดยอากาศยานรวมถึงสายการบินต่างๆ ทั้งการบินภาคพลเรือนและการบินพาณิชย์ และ “อาจเป็นภัยคุกคามต่อการรวบรวมข่าวกรอง” ของสหรัฐฯ ด้วย
ออสติน เสริมว่า การเก็บกู้ซากของบอลลูน 3 ลูกให้หลังของทางกองทัพสหรัฐฯ ยังไม่เสร็จสิ้น แต่ทั้ง 3 ลูกประเมินว่ามีขนาดเล็กกว่าบอลลูนสอดแนมของจีนลูกแรกมาก และเชื่อว่าวัตถุทั้ง 3 ลูกดังกล่าวถูกปล่อยมาจากแหล่งเดียวกัน