ภาพอาคารบ้านเรือนหลายพันหลังใน 10 เมืองของตุรกีที่พังถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรียเมื่อวันที่ 6 ก.พ. แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความรุนแรงของภัยพิบัติครั้งนี้ รวมถึงสะท้อนความบกพร่องของการก่อสร้างอาคารในตุรกี
ล่าสุด อิครัม อิมาโมกลู นายกเทศมนตรีกรุงอิสตันบูล ออกมาเตือนว่า กรุงอิสตันบูลเอง หากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา คาดว่าจะมีอาคารพังถล่มลงมามากถึง “90,000 หลัง” ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรหาทางรับมือล่วงหน้าเป็นการด่วน
อิสตันบูลเป็นมหานครทางตะวันตกของประเทศ มีความสำคัญต่อตุรกีในแง่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และมีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดของประเทศคือมากกว่า 16 ล้านคน ทำให้มันเป็นเมืองที่เป็นเหมือนหัวใจหลักของประเทศพอ ๆ กับเมืองหลวงอังการา
แม้อิสตันบูลจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ แต่ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหลายเมืองทางตอนใต้ของตุรกี ซึ่งเป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหว ก็ทำให้เกิดความกังวลว่า หากมีแผ่นดินไหวใกล้กับอิสตันบูล อาจเกิดความเสียหายมหาศาล
อิมาโมกลูบอกว่า ตัวเลขอาคารที่จะพังถล่ม 90,000 หลังนั้น เป็นตัวเลขที่มากกว่าที่เคยมีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้เกือบ 2 เท่า
“เราต้องดำเนินการยกระดับความแข็งแกร่งอาคารบ้านเรือนอย่างเร่งด่วน และทำให้เป็นไปตามมาตรฐานการออกแบบอาคารรองรับแผ่นดินไหว” อิมาโมกลูกล่าว และเสริมว่า ปัจจุบันมีอาคารในอิสตันบูลประมาณ 317,000 หลังที่ผิดมาตรฐานแต่ได้รับการอภัยโทษ
ด้านผู้เชี่ยวชาญก็ออกโรงเตือนเช่นกันว่า อิสตันบูลมีโอกาสที่จะเผชิญแผ่นดินไหว ดังนั้นจึงควรเริ่มเตรียมพร้อมตั้งแต่ตอนนี้ และระดมทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อแก้ไขอาคารสิ่งปลูกสร้าง มิเช่นนั้นอาจเกิดความเสียหายต่อชีวิตและเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในอนาคตได้
แผ่นดินไหวเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก และตุรกีเองตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกอนาโตเลียน (Anatolian Plate) ติดกับรอยเลื่อน (Fault) ที่สำคัญ 2 แห่ง คือ รอยเลื่อนอนาโตเลียเหนือ และรอยเลื่อนอนาโตเลียตะวันออก ทำให้มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้ง่าย ซึ่งรอยเลื่อนแรกนั้นอยู่ใกล้กับกรุงอิสตันบูลด้วย
ซูครู แอร์ซอย ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคยิลดิซ กล่าวว่า “เราทราบดีว่าแนวรอยเลื่อนอนาโตเลียนเหนือมีการเคลื่อนไหวมากเพียงใดในแต่ละปี การเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนจะนำไปสู่ความตึงเครียดบนแนวที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว” แต่เสริมว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทราบแน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ด้าน ฮูเซยิน อลัน ประธานหอวิศวกรธรณีวิทยา เห็นพ้องต้องกันว่า “ตามข้อมูลที่เรามี ในอนาคตคาดว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 หรือสูงกว่าในอิสตันบูล”
แอร์ซอยเสริมว่า “การเตรียมพร้อมสำหรับแผ่นดินไหวควรเป็นนโยบายเร่งด่วนทั้งในอิสตันบูลและทั่วตุรกี เราควรเริ่มตอนนี้ เริ่มให้เร็ว และระดมทรัพยากรทั้งหมดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผ่นดินไหวในอิสตันบูล”
ในขณะเดียวกัน อลันกล่าวว่า อิสตันบูลควรจัดทำแผนปฏิบัติการรับมือแผ่นดินไหวที่ครอบคลุม และคงรเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐบาล โรงพยาบาล ฐานทัพทหาร และหน่วยดับเพลิง เพื่อไม่ให้การรับมือเหตุฉุกเฉินหยุดชะงักหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง
อลันกล่าวว่า “ในเหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้ อาคารของรัฐหลายแห่งพังถล่มลงมา รวมถึงโรงพยาบาลและหน่วยรับมือเหตุฉุกเฉิน” ทำให้ไม่สามารถช่วยบรรเทาภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เราได้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อโครงสร้างพื้นฐานทางอากาศ ถนน และทางรถไฟ ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ความช่วยเหลือไม่สามารถไปถึงภูมิภาคต่าง ๆ ได้เร็วพอ” เขากล่าว
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญของตุรกีคือ การทุจริตคอร์รัปชันในการก่อสร้างอาคาร เพราะแม้จะมีกฎมาตรฐานการก่อสร้างอาคารฉบับใหม่ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา แต่แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดก็ทำให้อาคารที่สร้างขึ้นใหม่จำนวนมากพังถล่มลงมาเช่นกันทั้งที่หากเป็นไปตามมาตรฐานมันน่าจะต้านทานแรงสั่นสะเทือนไว้ได้
แอร์ซอยบอกว่า ภาคการก่อสร้างในตุรกีมีอัตราการทุจริตที่สูง ดังนั้นจึงมีการละเมิดหรือละเลยการตรวจสอบอาคารบางแห่ง
เรียบเรียงจาก Al Jazeera / NPR
ภาพจาก AFP