เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว บริษัทเมตา (Meta) เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม เพิ่งประกาศปลดพนักงานไป 11,000 คนหรือ 13% ของพนักงานทั้งหมด นับเป็นการปรับลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) บริษัทมีการเปิดเผยแผนปลดพนักงานเพิ่มอีกระลอกกว่า 10,000 คน หรือก็คือ ยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียรายนี้ ปลดพนักงานครั้งใหญ่อีกครั้งในรอบเพียง 4 เดือน
ยูเครน พบบันทึกทหารรัสเซีย ชี้ทหารรอดน้อยกว่า 20%
ธนาคาร SVB เปิดบริการตามปกติหลัง FDIC เข้าดูแล ลูกค้าแห่ถอนเงิน
นักวิทย์พบสารเคมีอันตราย PFAS ในกระดาษชำระหลายยี่ห้อในต่างประเทศ
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา เปิดเผยว่า การปรับลดพนักงานครั้งนี้จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า “เราคาดว่าจะประกาศการปรับโครงสร้างและการปลดพนักงานในกลุ่มงานเทคโนโลยีของเราในช่วงปลายเดือน เม.ย. จากนั้นปลดพนักงานในกลุ่มงานธุรกิจของเราในช่วงปลายเดือน พ.ค.”
เขาเสริมว่า “ในบางกรณี อาจใช้เวลาจนถึงสิ้นปีเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น ... โดยรวมแล้ว เราคาดว่าจะลดขนาดทีมงานลงประมาณ 10,000 คน และปิดตำแหน่งว่างอีกประมาณ 5,000 ตำแหน่งที่เรายังไม่ได้ว่าจ้าง”
ณ เดือน ก.ย. ปีที่แล้ว เมตามีจำนวนพนักงานอยู่ที่ 87,314 คน แต่ด้วยการปลดพนักงาน 11,000 คนเมื่อเดือน พ.ย. และอีก 10,000 คนที่กำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้จำนวนพนักงานของเมตาลดลงเหลือประมาณ 66,000 คน หรือลดลงจากเดิมประมาณ 25%
เมื่อมีการประกาศปลดพนักงานรอบแรกในเดือน พ.ย. ซักเคอร์เบิร์กกล่าวโทษตัวเองที่จ้างพนักงานใหม่มากเกินไปในช่วงที่โควิด-19 ระบาด โดยเมตาเพิ่มจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าระหว่างเดือน มี.ค. 2020 ถึง ก.ย. 2022 เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ความต้องการบริการดิจิทัลพุ่งสูงขึ้น
แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสำหรับยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียและบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เนื่องจากเมื่อข้อจำกัดการแพร่ระบาดผ่อนคลายลง และผู้คนก็กลับไปใช้ชีวิตออฟไลน์เหมือนเดิม
ธุรกิจหลักของเมตายังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงความเป็นส่วนตัวของแอปเปิล และผู้โฆษณาที่ลงทุนบนแพลตฟอร์มน้อยลงจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ซักเคอร์เบิร์กบอกว่า “เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไป แรงกดดันจากการแข่งขันเพิ่มขึ้น และการเติบโตของเราช้าลงอย่างมาก”
เขาเสริมว่า “ณ จุดนี้ ผมคิดว่าเราควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่ความเป็นจริงทางเศรษฐกิจใหม่นี้จะดำเนินต่อไปอีกหลายปี ... อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนำไปสู่เศรษฐกิจที่ถดถอย ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มากขึ้นนำไปสู่ความผันผวนที่มากขึ้น และกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่การเติบโตที่ช้าลงและต้นทุนของนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น”
ในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด เมตามีผลกำไรลดลงอย่างรวดเร็วและมีรายได้รายไตรมาสลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3
ทั้งนี้ เมตาไม่ใช้บริษัทเทคโนโลยีเพียงแห่งเดียวที่ต้องปลดพนักงานท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจที่ถดถอย ในช่วงต้นปีนี้ ทั้งแอมะซอน กูเกิล และไมโครซอฟต์ ต่างประกาศปลดพนักงานลดครั้งใหญ่กันทั้งสิ้น
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP
