เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ของระบบธนาคารสหรัฐฯ ในขณะนี้ อยู่ในจุดที่ดีขึ้นมากแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้ามาดูแลเรื่องวิกฤตธนาคารล้ม จึงขอให้ผู้ฝากเงินทุกคนมั่นใจได้ว่า จะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ต่อไป
ขณะนี้ ทำเนียบขาวทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง และสถาบันประกันเงินฝาก (FDIC) เพื่อจับตาโอกาสที่ธนาคารอื่น ๆ ที่มีใหญ่พอ ๆ กับ SVB จะเกิดปัญหาแบบเดียวกันนี้
วิกฤต SVB กระทบไทยแค่หุ้นตก ไม่ซ้ำรอยวิกฤติเศรษฐกิจในอดีต
หุ้นเอเชียเขียวยกแผง ไทยพุ่ง +37.9 จุด ผ่อนคลายดอกเบี้ย-วิกฤตแบงก์สหรัฐฯ
ธนาคาร SVB เปิดบริการตามปกติหลัง FDIC เข้าดูแล ลูกค้าแห่ถอนเงิน
โดยเฉพาะธนาคารเฟิสต์ รีพับลิก ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่เผชิญแรงกดดัน มีลูกค้าแห่มาถอนเงินเพราะไม่มั่นใจในสภาพคล่อง และราคาหุ้นร่วงหนัก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตกับธนาคาร SVB
อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารยืนยันว่า สถานะเงินทุนยังแข็งแกร่งพอ
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังเฝ้าจับตาว่ามีกระแสเงินไหลออกไปเข้าธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค (JPMorgan Chase & Co), แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) และซิตี้กรุ๊ป หรือไม่ และจะทำให้มั่นใจว่า ยังมีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรมในภาคการธนาคาร
ขณะที่สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องวิกฤตธนาคารล้ม และข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ปรับตัวขึ้นเขียวยกแผง
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างอินโดนีเซีย ก็ออกมาคลายความกังวลของประชาชน ต่อกรณีธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ล้ม โดยยืนยันว่า วิกฤตธนาคาร SVB จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงใด ๆ ต่อภาคการธนาคารของอินโดนีเซีย ซึ่งมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง
หัวหน้าผู้บริหารสำนักงานบริการทางการเงินของอินโดนีเซีย (OJK) ระบุว่า ธนาคารในอินโดฯ ไม่ได้ลงทุนหรือทำธุรกรรมโดยตรงกับธนาคาร SVB และยังไม่มีธนาคารใดให้เครดิต หรือปล่อยกู้กับบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทคริปโทฯ เหมือนกับที่ธนาคาร SVB ทำ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ และไม่คาดเดาไปก่อน
ภาพจาก AFP