โฆษกของ “TikTok” เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ได้รับการแจ้งจากคณะกรรมการเพื่อการลงทุนในสหรัฐฯ หรือไซเฟียส (CFIUS) ซึ่งเรียกร้องให้เจ้าของบริษัทไบต์แดนซ์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok จากจีน ขายหุ้น มิฉะนั้นอาจจะต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะสั่งแบนแอปพลิเคชั่นดังกล่าว
ด้านเว็บไซต์ข่าวเดอะ เจอร์นัล รายงานว่า ปัจจุบัน สัดส่วนหุ้นของบริษัทไบต์แดนซ์ แบ่งเป็น นักลงทุนทั่วโลก 60 เปอร์เซ็นต์ พนักงาน 20 เปอร์เซ็นต์และผู้ก่อตั้ง 20 เปอร์เซ็นต์
สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรคเดโมแครต ขู่จะแบน “TikTok” แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม หลังจากเจ้าหน้าที่และสมาชิกสภานิติบัญญัติ แสดงความเป็นกังวลว่า ข้อมูลผู้ใช้งานติ๊กต็อกในสหรัฐฯ กว่า 100 ล้านรายอาจถูกส่งให้รัฐบาลปักกิ่ง
TikTok เตรียมจำกัดเวลาใช้งานหน้าจอของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยพยายามแบนแพลตฟอร์มดังกล่าวมาแล้วในปี 2020 แต่ถูกศาลสั่งห้าม
TikTok ระบุว่า วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการข้อกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ คือ การป้องกันข้อมูลและระบบของผู้ใช้ในสหรัฐฯ อย่างโปร่งใส ผ่านการตรวจสอบ พินิจพิจารณาและยืนยันโดยหน่วยงานภายนอกที่มีประสิทธิภาพ
ขณะที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว
แต่ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาว ออกโรงสนับสนุนร่างกฎหมายของสมาชิกวุฒิสภากว่า 10 คน ที่เสนอเพิ่มอำนาจใหม่ให้กับฝ่ายบริหาร ในการออกคำสั่งห้ามใช้ TikTok และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ หากเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ
ที่ผ่านมา TikTok และไซเฟียส เจรจาหารือกันมาเป็นเวลากว่า 2 ปี เกี่ยวกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูล โดย Tiktok ระบุว่า ได้ทุ่มเงินกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 51,000 ล้านบาท ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการสอดแนมข้อมูลผู้ใช้งาน
ภาพจาก AFP