สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่า ขณะนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยกำลังเผชิญกับปัญหามัคคุเทศก์และบริษัททัวร์ต่างชาติผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้มัคคุเทศก์ไทยแทบไม่ได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศรับนกท่องเที่ยวเลย โดยเฉพาะทัวร์จีนซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของประเทศ
สายชล ไกด์นำเที่ยววัย 48 ปี เล่าว่า แม้จะมีความชำนาญมาตลอดชีวิต และคล่องแคล่วทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลาง แต่เขากำลังถูกแย่งงานจากไกด์ผิดกฎหมายชาวจีนและชาติอื่น ๆ
“คุณสามารถพบพวกเขาได้ทุกสถานที่ท่องเที่ยว ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ทุกที่ที่เจ้าหน้าที่รัฐทำเป็นมองไม่เห็น” สายชลกล่าว
ขณะที่นักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และที่อื่น ๆ เดินทางกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังถูกส่งตรงไปยังบริษัททัวร์จากต่างประเทศ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อกอบโกยเงินออกจากประเทศไทยโดยเฉพาะ
ข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยวระบุว่า ณ เดือนมกราคม 2023 ประเทศไทยมีมัคคุเทศก์ที่มีใบอนุญาตประมาณ 59,000 คน โดยในทางกฎหมาย มัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย หากพบว่าชาวต่างชาติฝ่าฝืนจะถูกปรับหรือส่งตัวกลับประเทศ แต่ในความเป็นจริงเหมือนจะไม่มีการกวดขัดเข้มงวดในเรื่องนี้เท่าไรนัก
“ผมเสียเปรียบเพราะผมเล่นตามกฎ” สายชลกล่าว
ชาวจีนเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ในปี 2019 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเยือนจีนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 11 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีนั้น
เมื่อประเทศไทยเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวและยกเลิกการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกือบทั้งหมด รัฐบาลไทยก็ตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาถึง 25 ล้านคน โดยในจำนวนนี้อย่างน้อย 5 ล้านคนคาดว่าจะมาจากจีน
การจับจ่ายใช้จ่ายของชาวจีนจะทำให้บริษัททัวร์ไทย คนขับรถบัส ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ โรงแรม คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง และฟื้นตัวสร้างรายได้ที่หายไปมหาศาลในช่วงโควิด-19
แต่เมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มไหลกลับเข้ามา ไกด์ไทยกลับต้องเผชิญกับการแข่งขันจากไกด์ผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ ภาคการท่องเที่วไทยมีไกด์ต่างชาติแทรกซึมเข้ามาอยู่แล้ว แต่ซบเซาไปเหมือนไกด์ไทยในช่วงโควิด-19 และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังการผ่อนคลายมาตรการทั้งจากฝั่งจีนและไทย
ดร.ชาดา เตรียมวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า “ช่วงก่อนโควิด-19 มีกลุ่มทัวร์จีนที่จ้างไกด์ไทยแค่คนเดียว ในขณะที่ไกด์ที่ทำงานจริง ๆ เป็นคนจีน”
อาจารย์เสริมว่า “หลังโควิด-19 กรุ๊ปทัวร์จีนหรือกรุ๊ปจากฮ่องกงหรือไต้หวันมีจำนวนน้อยลง และพวกเขาต้องการตารางการเดินทางที่ปรับให้เหมาะกับตัวเองมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ตัวแทนการท่องเที่ยวที่ดำเนินการโดยชาวจีนซึ่งว่าจ้างชาวจีนในประเทศไทย”
ดร.ชาดากล่าวว่า มัคคุเทศก์ชาวจีนจำนวนมากถือวีซ่านักเรียน มัคคุเทศก์กลุ่มนี้จะได้งานทำโดยมีค่าจ้างที่ถูกกว่า แต่ไกด์เหล่านี้นะได้ค่าคอมมิชชันจากการป้อนลูกค้าเข้าสู่ธุรกิจของชาวจีนในพื้นที่ท่องเที่ยว
“ท้ายที่สุด ธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากกิจกรรมการท่องเที่ยว” อาจารย์กล่าว
ไพศาล ซื่อธานุวงศ์ จากชมรมมัคคุเทศก์จีนกลางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เขาเบื่อหน่ายกับระบบที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น
เขากำลังระดมการสนับสนุนจากสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และมีเป้าหมายที่จะยื่นคำร้องต่อรัฐบาลไทยในเร็ววันนี้ เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวไหลออกไปต่างประเทศแทนที่จะเข้าประเทศ
“บริษัททัวร์จีนมักขายแพ็คเกจทัวร์ในราคาที่ต่ำมาก” เขากล่าว “มัคคุเทศก์ชาวไทยหรือชาวจีนมักจะพบว่าตนเองแข่งขันกันเพื่อเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นซึ่งผูกมัดกับการขายแพ็คเกจทัวร์เสริมให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย”
แต่ที่น่าสนใจคือ ไพศาลเคยออกมาร้องเรียนต่อรัฐบาลหลายครั้งแล้วตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ทางการไทยยังคงไม่สามารถปราบปรามไกด์ต่างชาติผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ธุรกิจที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวไทยเหมือนจะได้ประโยชน์น้อยมากจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว
ในเดือนมกราคม หลังจากประเทศจีนเปิดพรมแดนอีกครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนไทยได้เต็มรูปแบบ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัญหามัคคุเทศก์ต่างชาติสร้างความเสียหายต่อการจ้างงานด้านการท่องเที่ยว และเรียกร้องให้ประชาชนรายงานการใช้มัคคุเทศก์ต่างชาติไปยังสายด่วนของรัฐบาล
วรรณา (นามสมมติ) วัย 52 ปี มัคคุเทศก์ชาวไทยที่พูดภาษาเกาหลีได้ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ชาวจีนเท่านั้น ตอนนี้ชาวเกาหลีใต้เองยังหันไปใช้ไกด์ชาวเกาหลีด้วยกันมากกว่าไกด์ชาวไทย
“มีบริษัททัวร์เกาหลีประมาณ 100 แห่งในประเทศไทย พวกเขาใช้มัคคุเทศก์ชาวเกาหลีในขณะที่ใช้มัคคุเทศก์ชาวไทยช่วยงานด้วยอัตราเงินจ้างที่น้อยกว่า ซึ่งงานของไกก์ไทยที่ถูกจ้างเป็นผู้ช่วยคือ ไม่ต้องพูดคุยกับนักท่องเที่ยว แต่ช่วยจัดการการจองและติดต่อประสานงานกับคนในท้องถิ่น” เธอบอก
ตามข้อมูลของรัฐบาลไทย มีชาวเกาหลีเกือบ 170,000 คนเดินทางมาเยือนประเทศไทยในเดือนมกราคมเดือนเดียว วรรณาเสริมว่า หลายคนถูกพาไปที่สถานประกอบการของชาวเกาหลี เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า หรือร้านนวด
“หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป การท่องเที่ยวไทยจะตกอยู่ในมือต่างชาติ ถ้าคนงานในท้องถิ่นไม่มีอำนาจดุแลหรือพูดในเรื่องใด ๆ ก็จะไม่มีแรงจูงใจให้ใครมาอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว” วรรณากล่าว
วรรณากล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีชาวรัสเซียและแม้แต่ชาวเวียดนามก็เริ่มประกอบอาชีพมัคคุเทศก์อย่างผิดกฎหมายเช่นกัน
เรียบเรียงจาก SCMP
ภาพจาก AFP