ชิ้นส่วนประติมากรรมหินอ่อนประดับวิหารพาร์เธนอน 3 ชิ้นนี้ ประกอบด้วยรูปสลักรูปหัวม้า รูปสลักชายมีเครา และรูปสลักศีรษะเด็กผู้ชาย
ซึ่งที่ผ่านมา ชิ้นส่วนเหล่านี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์วาติกันมานานหลายศตวรรษ ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสจะทรงสั่งให้คืนประติมากรรมดังกล่าวเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว
สำหรับประติมากรรมทั้ง 3 ชิ้นนี้จะถูกนำไปไว้ที่พาร์เธนอน แกลเลอรี ซึ่งเก็บชิ้นส่วนของจริงของวิหารพาร์เธนอน รวมถึงชิ้นส่วนที่ทำจากปูนปลาสเตอร์ ซึ่งเลียนแบบประติมากรรมของจริงที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์บริติช มิวเซียม
อังกฤษส่งคืนสมบัติอาณาจักรเขมรโบราณ 77 ชิ้นให้กัมพูชา
“ลึงค์แห่งวินโดลันดา” นักโบราณเชื่อว่าเป็น “เซ็กซ์ทอยยุคโรมัน”
กรีซหวังว่า การส่งคืนครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้สถาบันในต่างประเทศที่ครอบครองประติมากรรมวิหารพาร์เธนอนอยู่ ส่งคืนด้วยเช่นกัน
ประติมากรรมวิหารพาร์เธนอนหลงเหลือมาจนถึงวันนี้เพียงครึ่งหนึ่ง และเกือบครึ่งของจำนวนนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์บริติช มิวเซียม
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่ง ลอร์ดเอลกิน (Lord Elgin) นักการทูตชาวอังกฤษ ได้ถอดประติมากรรมหลายสิบชิ้นไปจากวิหารพาร์เธนอน และขายให้แก่รัฐบาลอังกฤษ ซึ่งได้นำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์บริติช มิวเซียมหลังจากนั้น โดยประติมากรรมนี้เป็นที่รู้จักกันในอังกฤษในชื่อ “หินอ่อนของเอลกิน” (Elgin Marbles)
มีรายงานว่า จอร์จ ออสบอร์น ประธานพิพิธภัณฑ์บริติช มิวเซียม กำลังเจรจาข้อตกลงใหม่กับกรีซ เพื่อที่ประติมากรรมดังกล่าวจะนำไปจัดแสดงได้ทั้งในลอนดอน และเอเธนส์
แต่ออสบอร์นก็ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะคืนประติมากรรมหินอ่อนนี้ให้กรีซเป็นการถาวร โดยอ้างว่าติดข้อกฎหมาย
ด้านนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ของอังกฤษ ระบุว่า รัฐบาลไม่มีแผนที่จะแก้ไขกฎหมายดังกล่าว แต่พิพิธภัณฑ์อาจเจรจาให้ยืมประติกรรมเหล่านั้นได้
อย่างไรก็ตาม ลีนา เมนโดนี รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของกรีซ ระบุว่า กรีซยินดีที่จะส่งประติมากรรมจำลองให้พิพิธภัณฑ์บริติช มิวเซียมนำไปแสดงแทนประติมากรรมหินอ่อนของจริง แต่กรีซจะไม่ยอมรับ “การให้ยืม” ในสิ่งที่กรีซมองว่าถูกขโมยไปจากประเทศตัวเอง
ภาพจาก AFP
