เรียกว่างานเข้าไม่หยุด สำหรับแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์ชื่อดังอย่าง "TikTok" ที่ก่อนหน้านี้ก็ถูกสั่งแบนในอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐหลายประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เม.ย. หน่วยเฝ้าระวังข้อมูลของสหราชอาณาจักรได้ประกาศสั่งปรับ TikTok เป็นเงินจำนวนกว่า 12.7 ล้านปอนด์ (ราว 538 ล้านบาท) เนื่องจากพบการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล จากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และพบการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง
สำนักงานคณะกรรมาธิการด้านข้อมูลข่าวสารแห่งสหราชอาณาจักร (Information Commissioner’s Office หรือ ICO) ประมาณการว่า ในปี 2020 แอปพลิเคชัน TikTok อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ประมาณ 1.4 ล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร สามารถเข้าถึง TikTok ได้ แม้แอปพลิเคชันจะกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้สร้างบัญชีใช้งานว่า ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 13 ปีก็ตาม
TikTok เตรียมจำกัดเวลาใช้งานหน้าจอของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
จีนโวยสหรัฐฯห้ามเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางใช้แอปพลิเคชัน TikTok
แบรนด์ต้องอ่าน ครีเอเตอร์ต้องรู้ “TikTok” ยังไปต่อได้หรือไม่ในปีนี้?
ICO คาดว่าการละเมิดข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม ปี 2018 ถึงกรกฎาคม ปี 2020 พร้อมระบุว่า TikTok ดำเนินการไม่รัดกุมมากพอในการตรวจสอบอายุของผู้ใช้แอปพลิเคชัน และไม่มีการลบบัญชีผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 13 ปีออก
จอห์น เอ็ดเวิร์ดส กรรมาธิการด้านข้อมูลข่าวสารแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “มีกฎหมายที่ทำให้พวกเราแน่ใจได้ว่าลูกหลานของเราจะปลอดภัยเมื่ออยู่บนโลกดิจิทัลพอ ๆ กับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกจริงบังคับใช้อยู่ และ TikTok ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านั้น เด็ก ๆ อาจถูกสะกดรอยตามหรือถูกสืบค้นข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่ก็ถูกนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตรายแก่พวกเขา”
ด้านโฆษกของ TikTok โต้ว่า “ทางบริษัทไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของ ICO แต่ก็ยินดีที่ลดค่าปรับลงจาก 27 ล้านปอนด์เหลือเพียง 12.7 ล้านปอนด์ เราลงทุนอย่างหนักเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีใช้ TikTok และทีมรักษาความปลอดภัยออนไลน์กว่า 40,000 คนของเราทำงานอย่างหนักตลอดเวลา เพื่อช่วยรักษาแพลตฟอร์มของเราให้ชุมชนผู้ใช้งานมีความปลอดภัย”
“ทั้งนี้ เราจะทบทวนการตัดสินใจและจะพิจารณาการดำเนินการต่อไป”
โดยค่าปรับของ ICO กำหนดตามชาติตะวันตกอื่น ๆ ที่ประกาศปรับและระงับการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้สหราชอาณาจักรมีการห้ามใช้ต๊กต๊อกอย่างเป็นทางการแล้ว เนื่องจากเกิดปัญหาความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
เรียบเรียงจาก Straits Times
ภาพจาก AFP
- TOP ต่างประเทศ
- วิดีโอยอดนิยม
- เรื่องที่คุณอาจพลาด
