ที่ภูมิภาคเคอร์ซอนทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งปัจจุบันถูกรัสเซียยึดครอง เช้าวันนี้ (6 มิ.ย.) เกิดเหตุระทึกขวัญ เมื่อ เขื่อนโนวา คาคอฟกา (Nova Kakhovka) ซึ่งเป็นหนึ่งในเขื่อนใหญ่ของยูเครน ได้ “ถูกทำลาย” จนเขื่อนแตก
เขื่อนโนวา คาคอฟกา เป็นเขื่อนขนาดใหญ่สำหรับสร้างไฟฟ้าพลังน้ำ กักเก็บน้ำไว้ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำดนีเปอร์ (Dnieper) ซึ่งเป็นทางน้ำสายหลักที่ไหลผ่านทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน และมีหลายเมืองและหมู่บ้านที่อยู่ในเขตท้ายน้ำ รวมถึงเคอร์ซอน
โอเล็กซานเดรอ โปรคูดิน ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอน กล่าวว่า มีประชาชนประมาณ 16,000 คนอยู่ใน “พื้นที่วิกฤติ” บนฝั่งขวาของแม่น้ำดนีเปอร์
เขากล่าวว่า ประชาชนกำลังถูกอพยพไปยังเขตต้นน้ำ และจะถูกนำตัวขึ้นรถบัส แล้วต่อรถไฟไปยังเมืองมิโคลาเยฟ และไปยังเมืองอื่น ๆ ของยูเครนที่ปลอดภัย เช่น คเมลนีตสกี โอเดสซา โครปีนิตสกี และเคียฟ
โปรคูดินประเมินว่า ผลจากความเสียหายของเหตุเขื่อนโนวา คาคอฟกา แตกนั้น จะทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจะถึงระดับวิกฤติใน 5 ชั่วโมง
ภัยพิบัติดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 2 ของปฏิบัติการโต้กลับของยูเครน ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการตอบโต้ครั้งใหญ่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจส่งผลกระทบต่อแผนของยูเครนสำหรับการโต้กลับรัสเซีย
กลุ่มติดอาวุธแนวร่วมยูเครนอ้าง ยึดเมืองชายแดนของรัสเซียสำเร็จ
ความสัมพันธ์เลวร้ายหนัก! กลุ่ม “แวกเนอร์” จับกุมผู้บังคับกองพันรัสเซีย
รัสเซีย อ้าง สกัดการโจมตีครั้งใหญ่ของยูเครนได้สำเร็จ
ด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้เผยแพร่วิดีโอแสดงให้เห็นมวลน้ำมหาศาลที่ไหลทะลักออกมาจากรอยแตกขนาดใหญ่ของเขื่อน
เซเลนสกีกล่าวว่า “ผู้ก่อการร้ายชาวรัสเซีย การทำลายเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกาเป็นการยืนยันต่อคนทั้งโลกว่า พวกเขาจะต้องถูกขับไล่ออกจากทุกตารางเมตรของดินแดนยูเครน ไม่ควรเหลือแม้แต่ตารางเมตรเดียว เพราะพวกเขาใช้ทุก ๆ ตารางเมตรสำหรับสร้างความหวาดกลัว”
เขาเสริมว่า “มีเพียงชัยชนะของยูเครนเท่านั้นที่จะทำให้เราได้ความปลอดภัยกลับคืนมา และชัยชนะนี้จะมาถึงแน่ ผู้ก่อการร้ายจะไม่สามารถหยุดยูเครนได้ด้วยน้ำ ขีปนาวุธ หรือสิ่งอื่นใด”
เซเลนสกีบอกอีกว่า หน่วยงานทั้งหมดกำลังทำงานอยู่ โดยได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงและป้องกันประเทศเป็นการด่วนแล้ว
Russian terrorists. The destruction of the Kakhovka hydroelectric power plant dam only confirms for the whole world that they must be expelled from every corner of Ukrainian land. Not a single meter should be left to them, because they use every meter for terror. It’s only… pic.twitter.com/ErBog1gRhH
— Володимир Зеленський (@ZelenskyyUa) June 6, 2023
กองบัญชาการปฏิบัติการทางตอนใต้ของยูเครนยืนยันการโจมตีทำลายเขื่อนในโพสต์บนเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ โดยกล่าวว่าพวกเขากำลังประเมินสถานการณ์และความเสียหาย และกล่าวโทษว่า รัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุเขื่อนแตกครั้งนี้
ด้าน แอนดรีย์ เยอร์มัก หัวหน้าสำนักประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า เจ้า“นี่คืออีโคไซด์ (การทำลายล้างธรรมชาติ) ... รัสเซียจะต้องรับผิดชอบต่อการขาดแคลนน้ำดื่มของประชาชนทางตอนใต้ของภูมิภาคเคอร์ซอนและในไครเมีย รวมถึงการทำลายถิ่นที่อยู่และชีวมณฑลของสิ่งมีชีวิต”
ขณะที่ มิคาอิโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า “จุดประสงค์นั้นชัดเจนมาก นั่นคือเพื่อสร้างอุปสรรคระหว่างทางให้กับกองทัพยูเครน … เพื่อชะลอการจบสงคราม ... ในดินแดนอันกว้างใหญ่ ทุกชีวิตจะถูกทำลาย ถิ่นที่อยู่จำนวนมากจะถูกทำลาย ความเสียหายมหาศาลจะเกิดต่อสิ่งแวดล้อม”
นอกเหนือจากผลกระทบต่อประชาชนและความเสียหายต่อพื้นที่ท้ายน้ำแล้ว ยังมีความกังวลว่า เหตุเขื่อนแตกครั้งนี้อาจส่งผลต่อ “โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย” ด้วย รวมถึงน้ำประปาที่ส่งไปยังภูมิภาคไครเมียอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน
ผลกระทบที่อาจเกิดต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียนั้น เนื่องจากโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ต้นน้ำ การที่เขื่อนแตกอาจทำให้สูญเสียน้ำที่ใช้ในการหล่อเย็นและควบคุมอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ทำให้อาจเสี่ยงต่อการระเบิดได้
แต่นับว่าโชคดีที่ความเสี่ยงดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำมาก สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) กล่าวว่า รับทราบรายงานสถานการณ์แล้ว และผู้เชี่ยวชาญที่โรงไฟฟ้ากำลังติดตามสถานการณ์ “ไม่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ในขณะนี้ที่โรงไฟฟ้า”
ด้านเจ้าหน้าที่รัสเซียปฏิเสธในตอนแรกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขื่อน จากนั้นก็เปลี่ยนมากล่าวโทษว่า การพังทลายของเขื่อนเกิดจากกระสุนปืนของยูเครน แต่สำนักข่าว Interfax อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยชื่อจากหน่วยฉุกเฉินเคอร์ซอนว่า เขื่อนพังจากโครงสร้างที่อ่อนแอของเขื่อน และยืนยันว่าไม่มีการโจมตีเกิดขึ้น
ไรบาร์ บล็อกเกอร์ทหารในรัสเซีย พื้นที่บางส่วนของเขื่อนถูกทำลายหลังจากการระเบิดเมื่อเวลา 02.00 น. แต่ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลนี้ได้
ทั้งนี้ อนุสัญญาเจนีวากำหนดเอาไว้ว่า การระเบิดเขื่อนอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เพราะ “อาจก่อให้เกิดการปลดปล่อยมวลน้ำที่เป็นอันตรายและส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างรุนแรงในหมู่พลเรือน”
เรียบเรียงจาก CNN / The Guardian
ภาพจาก AFP