เปรูกำลังเผชิญกับการระบาดของไข้เด็งกี หรือไข้เลือดออก ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยในขณะนี้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศมากกว่า 130,000 คน แล้ว ในทุกๆปีที่เมืองปิวร่า ทางตอนเหนือของประเทศ ไวรัสดังกล่าวซึ่งมียุงเป็นพาหะ จะระบาดอยู่แล้ว แต่มาปีนี้ ที่เมืองปิวร่าแย่กว่าทุกปี เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยเกือบสี่หมื่นคน และพบผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 60 คน ส่งผลทำให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของไข้เลือดออกในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน การระบาดอาจจะรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนิโญ ทำให้เกิดฝนตกเพิ่มขึ้น และอากาศร้อนผิดปกติ ซึ่งเปิดทางให้ยุงแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุขของเปรูประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ปัจจัยต่างๆ ที่ว่ามาทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสทั่วประเทศจากไข้เลือดออกทะลุ 200 คนแล้ว และมีผู้ติดเชื้อกว่า 130,000 คน
ในหมู่บ้านซานพาโบล ทางตอนเหนือของเปรู ที่นี่ยังประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำสะอาด ซึ่งเป็นปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ดังนั้นผู้คนจึงไม่มีแหล่งน้ำไหลที่ใสสะอาด พวกเขาจำเป็นต้องเก็บกักน้ำเอาไว้ใช้ในภาชนะต่างๆ ซึ่งนั่นก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง พาหะของเชื้อไวรัสเด็งกี อย่างไรก็ตามในหมู่บ้านแห่งดังกล่าว 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดภายในบ้านเรือนของตนเองได้
ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าว่า เธอ และหลานชายวัย 9 ขวบ ต่างล้มป่วยและมีไข้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากใครเป็นไข้เลือดออกจะต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลสักวันสองวัน และหลังจากนั้นก็จะหาย แต่มาตอนนี้ ใครที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกและไปโรงพยาบาลรัฐที่เมืองปิวร่า พวกเขาต้องแอดมิทเข้ารับการดูแลอย่างใกล้ชิด
ด้านผู้นำชุมชนดังกล่าว เปิดเผยว่า ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าวมีคนป่วยไข้เลือดออกไปแล้วราว 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร แต่ในขณะเดียวกัน โรงพยาบาลรัฐก็เริ่มรองรับผู้ป่วยไม่ไหว และจำเป็นต้องรับไว้แต่เคสหนักๆเท่านั้น ขณะที่คนจนก็ไม่มีทางเลือก พวกเขาต้องต่อสู้กับอาการป่วยที่บ้าน
ทั้งนี้ ไข้เด็งกีหรือไข้เลือดออก มียุงเป็นพาหะนำโรค โดยผู้ป่วยอาจจะมีอาการป่วยเช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ อาเขียน ปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น โดยอาการเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นราว 3-14 วัน แต่คนที่เป็นหนักๆร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้