อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสถานการณ์สงครามที่รุนแรง ปรากฏว่ามีสัญญาณสันติภาพออกมาจากประธานาธิบดี ปูติน เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
"วลาดิเมียร์ ปูติน" ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์กับบรรดานักข่าวรัสเซียและบล็อกเกอร์ทางการทหาร 18 คนเกี่ยวกับทิศทางของสงครามยูเครนที่ดำเนินมาเกือบจะครบ 16 เดือนเต็มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้
ศาลอาญาระหว่างประเทศ “ออกหมายจับปูติน” ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน
"ปูติน"ยืนยันติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุสเป็นเรื่องปกติ
ผู้นำรัสเซียได้พูดถึงสงครามอย่างตรงไปตรงมาหลายประเด็น แต่ประเด็นที่หลายฝ่ายสนใจคือ การที่ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า พร้อมเจรจาสันติภาพกับยูเครนเสมอ แต่ต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่ชาติตะวันตกต้องเลิกส่งอาวุธให้ยูเครนก่อน หลายฝ่ายพยายามตีความคำพูดของประธานาธิบดีปูตินว่าหมายความว่าอย่างไร และต้องการส่งสารไปถึงใคร
นิโคไล เปตรอฟ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Higher School of Economics หรือ HSE ในกรุงมอสโกของรัสเซียระบุว่า เมื่อฟังคำพูดของผู้นำรัสเซียแบบประโยคต่อประโยค ประธานาธิบดีปูตินเหมือนกำลังจะพยายามอธิบายว่าตนเองคือผู้ควบคุมทิศทางของสงครามยูเครน
และคำพูดข้างต้นอาจเป็นการโหมโรงหรือเปิดช่องทางเจรจาในวันที่ยูเครนเปิดศึกเต็มอัตราเพราะไม่มีเหตุผลใดที่ผู้นำรัสเซียจะต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลสงครามและให้รายละเอียดแทบจะทุกเรื่องต่อสาธารณชน ยกเว้นว่าผู้นำรัสเซียต้องการจะคุยกับชาติพันธมิตรตะวันตกหรือโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนโดยตรงเท่านั้นและจากคำพูดล่าสุดของผู้นำรัสเซีย นี่เป็นแนวโน้มว่าเขาอาจต้องการเปิดช่องทางเจรจากับยูเครนอย่างจริงจัง
สาเหตุที่ผู้นำรัสเซียต้องการเจรจากับชาติตะวันตกเป็นเพราะตอนนี้ยูเครนเริ่มโต้กลับรัสเซียในหลายแนวรบและค่อยๆ เจาะแนวรบที่สำคัญได้ทีละน้อย แม้จะสูญเสียยานยนต์ที่ได้รับมาจากตะวันตกไปหลายสิบคันก็ตาม
เมื่อคืนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนได้ออกมารายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยระบุว่ากองทัพยูเครนสามารถรุกคืบได้ในหลายแนวรบ เช่น แคว้นโดเนตสก์และแคว้นซาโปริซเซีย
เมื่อลงไปดูรายละเอียดในแผนที่รายงานสถานการณ์การสู้รบประจำวัน จะพบว่าตอนนี้จุดปะทะหลักๆ ของทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ที่เดิมคือ เมืองบัคมุต เมืองอัฟดีฟกา เมืองมารินกา และเขตมาคาริฟกาในแคว้นโดเนตสก์
เมื่อวานนี้ ( 13 มิ.ย.) ฮันนา มาลีอาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ระบุผ่านเทเลแกรมว่า กองทัพยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ในเมืองบัคมุตได้กว่า 250 เมตร ขณะที่เมืองเบอร์เดียนสก์ ทหารยูเครนยึดคืนมาได้ราว 500 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร
นอกจากนี้ กองทัพยูเครนยังสามารถยึดเขตมารินกาในแคว้นโดเนตสก์ได้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่พยายามมานานหลายวัน
ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์สก็ได้เผยแพร่ภาพบรรยากาศที่เขตเนียคุชเนียในแคว้นโดเนตสก์ออกมาเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ายูเครนสามารถปลดปล่อยพื้นที่นี้จากรัสเซียสำเร็จตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ตอนนี้หลายฝ่ายให้ความสนใจกับแนวรบต่างๆ ที่ยูเครนกำลังพยายามฝ่ากับดักระเบิดและสนามเพลาะเข้าไป เนื่องจากแนวรบเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงทิศทางที่กองทัพยูเครนอาจเคลื่อนไปในอนาคต โดยตอนนี้แนวรบที่หลายฝ่ายสนใจอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นโดเนตสก์และแคว้นซาโปริซเซีย
ตอนนี้นักวิเคราะห์ประเมินว่ากองทัพยูเครนพยายามเจาะแนวรบต่างๆ บริเวณเมืองวาซิลิฟกา โอริคิฟ โปโลฮี ในแคว้นซาโปริซเซีย และเมืองวอลนอวาคาในแคว้นโดเนตสก์ หากสามารถเจาะแนวรบในเมืองวาซิลิฟกา โอริคิฟ โปโลฮี สำเร็จ กองทัพยูเครนจะสามารถเคลื่อนทัพต่อไปยังเมืองโตคมัค เมืองยุทธศาสตร์ทางการขนส่งทางรางสำคัญของรัสเซียที่เชื่อมไปยังเมลิโตปอล เมืองที่ทำหน้าที่กระจายยุทโธปกรณ์ไปยังแคว้นเคอร์ซอนตะวันออกและคาบสมุทรไครเมีย
ขณะเดียวกัน ถ้าสามารถเจาะที่เมืองวอลนอวาคาในแคว้นโดเนตสก์ กองทัพยูเครนจะเคลื่อนทัพต่อไปยังเมืองมาริอูปอลได้สำเร็จ
จากแผนที่จะเห็นได้ว่าถ้ายูเครนไปถึงเมืองโตคมัคและวอลนอวาคา และตัดสินใจเคลื่อนทัพต่อไปยังเมืองเมลิโตปอลและมาริอูปอล กองทัพรัสเซียจะต้องถอนกำลังไปอยู่ที่เมืองเบอร์เดียนสก์และไม่สามารถหนีได้ ยกเว้นจะยกทัพกลับผ่านทางทะเลอาซอฟ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าการจะไปถึงเมืองต่างๆ ที่กล่าวไปไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากกองทัพรัสเซียได้ขุดสนามเพลาะและวางกับดักรถถัง เช่น ฟันมังกร เพื่อชะลอขบวนรถของยูเครน และเปิดโอกาสให้หน่วยอื่นๆ ของรัสเซียโจมตีรถถังยูเครน
ขณะเดียวกัน พล.ท.อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้ออกมารายงานว่า กองทัพรัสเซียสามารถขับไล่กองทัพยูเครนตามแนวรบต่างๆ ในแคว้นโดเนตสก์สำเร็จ
นอกจากนี้ ฝั่งรัสเซียยังได้เผยแพร่ภาพขณะที่ทหารกำลังเดินเข้าไปตรวจสอบรถถังเลพเพิร์ด 2 ที่กองทัพสามารถทำลายได้ในแนวรบแคว้นซาโปริซเซีย จากความสูญเสียที่เกิดขึ้น โอริกซ์ กลุ่มโอเพนซอร์สสัญชาติเนเธอร์แลนด์ประเมินว่า กองทัพยูเครนสูญเสียรถยานเกราะแบรดลีย์ของสหรัฐฯ ไปแล้วอย่างน้อย 16 คันจากทั้งหมด 109 คัน หรือราวร้อยละ 15 หลังเปิดฉากโต้กลับฤดูร้อนใส่รัสเซีย
แม้ว่ายูเครนจะสูญเสียรถยานเกราะจำนวนมากในสนามรบ แต่ดูเหมือนว่ายูเครนอาจไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้มากนัก หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาประกาศสนับสนุนความช่วงเหลือด้านอาวุธชุดใหม่ให้แก่ยูเครนเมื่อวานนี้
ซาบรินา ซิงห์ รองโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้แถลงว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธครั้งใหม่ให้แก่ยูเครน คิดเป็นมูลค่ากว่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 11,000 ล้านบาท
ความช่วยเหลือด้านอาวุธชุดนี้จะประกอบไปด้วยจรวดของระบบป้องกันภัยทางอากาศนาซาม ระบบป้องกันภัยทางอากาศ รุ่นสตริงเกอร์ จรวดของระบบไฮมาร์ส กระสุนยูเรเนียมสำหรับเจาะเกราะรถถัง รถยานเกราะแบรดลีย์ 15 คัน และรถลำเลียงพลหุ้มเกราะรุ่นสไตรเกอร์ 10 คัน
การประกาศให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธเพิ่มเติมแก่ยูเครนครั้งนี้ มีขึ้นพร้อมๆ กับที่ประธานาธิบดีปูตินสร้างเงื่อนไขเจรจาสันติภาพ และเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาฯ นาโตได้เดินทางไปพบกับกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยหนึ่งในประเด็นที่ทั้งสองหารือร่วมกันคือ การให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน เลขาฯ นาโตระบุว่า ความช่วยเหลือต่างๆ ที่ชาติพันธมิตรส่งไปให้แก่ยูเครนสามารถสร้างความคืบหน้าในสนามรบให้แก่ยูเครนได้ และยูเครนจะต้องชนะในสงครามนี้
หลังจากนั้น เลขาฯ นาโตได้เข้าพบกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และหารือเรื่องการมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน โดยเลขาฯ นาโตบอกกับผู้นำสหรัฐฯ ว่าจะช่วยเหลือยูเครน
ขณะที่การสู้รบในแคว้นโดเนตสก์เป็นไปอย่างดุเดือดและสหรัฐฯ ประกาศความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ยูเครนเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นในสนามรบ ล่าสุดทางการยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้โจมตีพลเรือนในแคว้นโอเดสซา เมืองท่าติดทะเลดำทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งถือเป็นการโจมตีพลเรือนครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาเพียง 1 วัน
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงกลาโหมยูเครนประจำแคว้นโอเดสซารายงานว่า กองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธจำนวน 4 ลูกพุ่งเข้าโจมตีแคว้นโอเดสซา แต่ทางการยูเครนสามารถยิงสกัดไว้ได้ 2 ลูก
อย่างไรก็ดี ขีปนาวุธอีก 2 ลูกที่เหลือได้พุ่งเข้าไปโจมตีอาคารของพลเรือน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 13 ราย รวมถึงที่พักและทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดและเพลิงไหม้
ทั้งนี้ รายงานของกองทัพอากาศยูเครนระบุว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมารัสเซียได้ยิงขีปนาวุธโจมตียูเครน 20 ลูกรวมถึงโดรนอีก 10 ลำ แต่ทางการยูเครนสามารถยิงสกัดขีปนาวุธไว้ได้ 12 ลูก และยิงสกัดโดรนได้ 9 ลำ