องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ EG.5 หรือที่มีชื่อเล่นว่า “เอริส” (Eris) เป็นสายพันธุ์ที่ต้องให้ความสนใจ (VOI) แม้ว่าความเสี่ยงด้านสาธารณสุขจะถูกตัดสินว่าต่ำก็ตาม แต่ขณะนี้พบการระบาดมากขึ้นทั่วโลก
โควิด-19 สายพันธุ์เอริสนั้น มีความเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ย่อยของโควิด-19 โอมิครอน XBB.1.9.2 และมีหลายประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร จีน และสหรัฐฯ ที่เริ่มได้รับผลกระทบจากการระบาดของมัน
ไทยพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ “EG.5.1” แล้ว 5 ราย แนวโน้มทั่วโลกเพิ่ม 45%
วิจัยพบฟ้าทะลายโจร ลดเชื้อโควิด-ปอดอักเสบไม่ได้ แนะอาการน้อย ใช้ติดต่อเสี่ยงตับพัง
WHO จับตา“ไวรัสแลงยา"หวั่นอาจมาแทนที่โควิด-19 เผยยังไม่มีวัคซีนรักษา
อย่างไรก็ตาม WHO แนะนำว่า สายพันธุ์นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่รุนแรง “จากหลักฐานที่มีอยู่ ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขในระดับโลกที่เกิดจาก EG.5 ได้รับการประเมินว่าอยู่ในระดับต่ำ” พร้อมเสริมว่า ความเสี่ยงดังกล่าวดูเหมือนจะเท่ากับสายพันธุ์ VOI อื่น ๆ
“ในขณะที่ EG.5 เริ่มชุกขึ้น มีความได้เปรียบในการเจริญเติบโต และมีคุณสมบัติการหลบหนีภูมิคุ้มกัน แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงในความรุนแรงของโรค” WHO กล่าวเสริม
ด้าน คริสตินา พาเกล ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยปฏิบัติการแห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน กล่าวว่า ในขณะที่โควิด-19 สายพันธุ์นี้มีการแพร่ระบาดมากขึ้นและดูเหมือนจะหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น ทำให้สามารถเอาชนะสายพันธุ์อื่นได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดโรคที่รุนแรงกว่าเดิม
“มันอาจจะทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นระลอกและมีปัญหาที่ตามมา เช่น การรักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้นและคนที่เป็นลองโควิดมากขึ้น แต่ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่ามันแย่กว่าระลอกก่อนหน้า” พาเกลกล่าว
ขณะที่ ศ.สตีเฟน กริฟฟิน นักไวรัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ กล่าวว่า แม้ว่าความชุกของสายพันธุ์นี้จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างช้าในสหราชอาณาจักร แต่ความสามารถในการแพร่เชื้อและความสามารถในการหลบเลี่ยงแอนติบอดี อาจหมายความว่าจำนวนผู้ป่วยอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อโรงเรียนเปิด และผู้คน กลับไปทำงาน
WHO แนะนำให้ชาติสมาชิกจัดลำดับความสำคัญเพื่อทำความเข้าใจความสามารถในการหลบหนีแอนติบอดีและความรุนแรงของ EG.5 ให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการติดตามการเปลี่ยนแปลงความรุนแรงของโรค
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP