ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่กองทัพเมียนมาก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ อองซาน ซูจี แต่ล่าสุดขณะนี้ รัฐบาลทหารเมียนมากำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดต่ออำนาจของตน
โดยตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา กลุ่ม “สามพันธมิตรภราดรภาพ” (Three Brotherhood Alliance) ได้เปิดฉากปฏิบัติการ “1027” บุกโจมตีฝ่ายกองทัพเมียนมาจากหลายแนวรบทั่วประเทศ
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ยึดจุดผ่านแดนในรัฐฉานสำเร็จ
สื่อเมียนมาแฉ ทหารฝ่ายรัฐบาลยอมจำนนแล้ว 400 นาย
เมียนมายอมรับ ถูกโจมตีหนักใน 3 รัฐ สั่งจนท.พลเรือน-อดีตทหารเตรียมพร้อมรบ
สามพันธมิตรภราดรภาพ ประกอบด้วย กองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ 3 กลุ่มคือ กองทัพอาระกัน กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา หรือกลุ่มโกก้าง และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ “ดาละอั้ง” (Ta'ang)
ปฏิบัติการประสานงานจู่โจมแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เผยให้เห็นขีดจำกัดความสามารถของรัฐบาลทหารเมียนมาที่ดูเหมือนจะไม่อาจต้านทานการโจมตีที่โหมกระหน่ำเข้ามาได้
รัฐบาลทหารเมียนมาขณะนี้สูญเสียเมืองยุทธศาสตร์ชายแดนบางแห่ง เสียตำแหน่งทางการทหารที่สำคัญ และเส้นทางการค้าที่สำคัญในระดับที่ไม่เคยพบเห็น ในรอบหลายทศวรรษ
แมทธิว อาร์โนลด์ นักวิเคราะห์อิสระในเมียนมา กล่าวว่า “รัฐบาลเผด็จการกำลังล่มสลายในขณะนี้ และนั่นจะเกิดขึ้นหากมีความพยายามโจมตีที่กว้างขวางกว่านี้ทั่วประเทศ”
อาร์โนลด์กล่าวว่า “กลุ่มต่อต้านกำลังมุ่งเน้นไปที่การยึดเมืองใหญ่ ๆ เพื่อเอาชนะรัฐบาลเผด็จการทหาร”
สงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพชาติพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วนของเมียนมและรัฐบาลทหารเกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้จากการที่ประชาชนทั่วประเทศต่อต้านการทำรัฐประหารของผู้บัญชาการทหารบก มิน อ่อง หล่าย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021
การปราบปรามผู้ประท้วงและความโหดร้ายต่อพลเรือน กระตุ้นให้ประชาชนจับอาวุธและปกป้องเมืองและชุมชนของตน
ตั้งแต่นั้นมา การต่อสู้ระหว่างกองทัพและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารก็เกิดขึ้นทุกวัน การโจมตีทางอากาศและการโจมตีภาคพื้นดินของรัฐบาลทหารได้สังหารพลเรือนหลายพันคนจนถึงปัจจุบัน
ผู้ที่อยู่ในพื้นที่กล่าวว่า ท้ายที่สุดแล้วพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อกำจัดรัฐบาลเผด็จการทหาร และสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ ซึ่งประชาชนเมียนมาทุกคนมีจะสิทธิและเสียงได้อย่างเต็มที่
จากข้อมูลของสำนักงานกิจการด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) การปะทะกันด้วยอาวุธในเมียนมาขณะนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดและขยายเป็นวงกว้างที่สุดนับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร
โบ นาการ์ ผู้บัญชาการกองทัพปฏิวัติแห่งชาติพม่า (BNRA) ซึ่งกำลังต่อสู้กับกองทัพในพื้นที่ตอนกลางของเมียนมา กล่าวว่า “มันเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของสภาบริหารแห่งรัฐ เราเห็นมันแล้ว”
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดี มิน ส่วย ที่ได้รับแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร เคยเตือนว่า หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมียนมาจะถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายดินแดน
มีรายงานว่า รัฐบาลทหารได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ที่มีประสบการณ์ทางทหารในเมืองหลวงเตรียมพร้อมรับราชการในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ ยังบังคับใช้กฎอัยการศึกในหลายเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วย
กองทัพระบุว่า “เราจะดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นอย่างต่อเนื่องเพื่อประกันสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค”
รัฐบาลเผด็จการทหารยังปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ระบุว่า ได้ส่งทหาร 14,000 นายประจำการในเมืองหลวงเนปิดอว์ เพื่อปกป้องกองบัญชาการทหารหลักจากการถูกโจมตี และปฏิเสธว่าไม่ได้รับสมัครข้าราชการเพื่อเข้ารับการฝึกทหาร
ในพื้นที่ชายแดนทางตอนเหนือที่เต็มไปด้วยภูเขาของรัฐฉาน รัฐบาลทหารได้สูญเสียการควบคุมเมืองอย่างน้อย 6 เมือง ถนนสายหลัก และด่านหน้าและค่ายทหารมากกว่า 100 แห่ง
ในรัฐยะไข่ทางตะวันตก กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ กองทัพอาระกัน (AA) กลับมาสู้รบอีกครั้ง หลังจากการหยุดยิงชั่วคราวนานหนึ่งปีสิ้นสุดลง และเปิดแนวรบใหม่ การปะทะกับกองกำลังเผด็จการยังคงดำเนินต่อไปในหลายเมือง นอกจากนี้ยังมีรายงานการแปรพักตร์ของทหารในกองทัพและทหารหลายนายยอมจำนน
ในรัฐชินทางตะวันตก ผู้คนหลายพันคนได้หลบหนีการสู้รบและข้ามชายแดนอินเดีย ในจำนวนนี้มีทหารเมียนมา 43 นายที่หลบหนีหลังจากค่ายทหารของพวกเขาถูกกลุ่มต่อต้านยึด มีหลายสิบคนถูกส่งกลับไปยังเมียนมา
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบ่งชี้ว่า กองทัพเมียนมาไม่มีทั้งกำลังคนและความสามารถในการสู้รบในการยึดพื้นที่ต่าง ๆ คืนจากกลุ่มต่อต้าน แม้จะอาศัยการโจมตีทางอากาศและอาวุธหนักก็ตาม
เย เมียว ไฮ นักวิจัยจากสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกาและศูนย์วิลสัน กล่าวว่า “การคาดการณ์ผลลัพธ์สุดท้ายในสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากผมเห็นว่า มันยังอยู่ในช่วงเริ่มแรกของกลยุทธ์ของกลุ่มต่อต้าน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่นอนประการหนึ่งก็คือ ปฏิบัติการ 1027 ได้เปลี่ยนสมดุลทางการทหาร”
เขาเสริมว่า “กองทัพเมียนมาขณะนี้ตกอยู่ภายใต้การถูกโจมตีแบบ 360 องศาอย่างไม่หยุดยั้งทั่วประเทศ”
เย เมียว ไฮ บอกอีกว่า “ที่น่าสังเกตคือ ในระหว่างความขัดแย้งในรัฐฉานตอนเหนือ การส่งกำลังทหารจากพื้นที่นั้นไปยังกะเรนนี (กะเหรี่ยงแดง) และสะกาย ทำให้กลุ่มต่าง ๆ ในรัฐฉานตอนเหนือได้รับชัยชนะทางทหารอย่างมีนัยสำคัญอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนกำลังทหารใด ๆ ออกไปอีก คาดว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มต่อต้านมีความก้าวหน้าอย่างมากในพื้นที่เหล่านั้น”
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก STR / AFP
กางปฏิทินโอน "เงินช่วยชาวนา" ไร่ละ 1,000 บาท เริ่มเข้าบัญชีแล้ว
ครม.เตรียมพิจารณาขึ้นเงินเดือนราชการ แย้มอาจไม่ใช่การปรับขึ้นทั้งระบบ