“Block Out 2024” กระแสโซเชียลแบนคนดัง ปิดปากเงียบปมกาซา

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ชาวโซเชียลผุดกระแส "Block Out 2024" ต่อต้านเซเลบคนดัง ที่ไม่ยอมออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านการสังหารผู้บริสุทธิ์ในฉนวนกาซา

ช่วงนี้ ในโซเชียลมีเดียมีมูฟเมนต์ที่ชื่อว่า "Block Out 2024" ซึ่งเป็นกระแสต่อต้านเซเลบคนดัง ที่ไม่ยอมออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในฉนวนกาซา

โดยเทรนด์ "Block Out 2024" หรือที่หลายคนเปรียบเทียบว่าเป็น “ดิจิทัล กิโยติน” คือ การที่บรรดาแฟนๆ ผู้โกรธแค้นต่อความนิ่งเฉยของเหล่าคนดังในเรื่องสงครามกาซา พากันบล็อกช่องทางโซเชียลมีเดีย เลิกเสพผลงาน บ้างก็เข้าไปคอมเมนต์กดดันให้ศิลปินดาราเหล่านี้ช่วยเป็นกระบอกเสียง เรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา

คอนเทนต์แนะนำ
อิสราเอลรายงานพบศพตัวประกันในฉนวนกาซาเพิ่มอีก 3 ราย
อิสราเอลปูพรม ถล่ม 70 จุดทั่วฉนวนกาซา

Block Out 2024 รายการทันโลก Express
Block Out 2024 กระแสแบนคนดัง ปิดปากเงียบปมกาซา

ซึ่งกระแสนี้เกิดขึ้นครั้งแรกใน TikTok หลังจากที่ อินฟลูเอนเซอร์สาว เฮลีย์ คาลิล (Hailey Kalil) โพสต์คลิปลิปซิงค์วลีดัง “Let them eat cake” ที่เชื่อกันว่าเป็นคำพูดของพระนางมารี อองตัวเน็ตต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชนชั้นสูงในฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 18 ไม่สนใจปัญหาของคนจน จนเป็นชนวนให้เกิดการปฏิวัติใหญ่

จากนั้น ผู้ใช้งานบัญชี ladyfromtheoutside (เลดี้ ฟรอม ดิ เอาต์ไซด์) ซึ่งเป็นหนึ่งในอินฟลูฯ ที่ริเริ่มมูฟเมนต์ Block Out 2024 ก็เข้ามาคอมเมนต์ เรียกร้องให้ชาวเน็ตเลิกกดไลก์ เลิกเสียเงินสนับสนุนคนดังที่เมินเฉยเรื่องความเป็นความตายของชาวปาเลสไตน์

กระแส Block Out 2024 ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังงานแฟชั่นการกุศล Met Gala ที่เหล่าคนดังจากทั่วทั้งวงการประโคมแต่งตัวมาอวดโฉมกันบนพรมแดง

เดรสโค้ดของปีนี้ คือ The Garden of time ซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงามหรูหรา แตกต่างกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ที่มีทั้งบรรยากาศของสงครามและปัญหาความอดอยากหิวโหยที่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซากำลังเผชิญอยู่ บรรดานักวิเคราะห์ด้านโซเชียลมีเดีย ต่างมองเห็นสัญญาณของผลกระทบที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่ชัดว่าปรากฏการณ์ที่เซเลบคนดังหลายคนเจออยู่ เป็นผลจากการกระแสนี้ล้วนๆ หรือมีกระแสอื่นๆ ร่วมด้วย

ตัวอย่างคนดังระดับแถวหน้าที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เจ้าแม่เรียลิตี้ คิม คาร์เดเชียน ที่ไปเดินพรมแดง Met Gala ในนิวยอร์ก จากนั้น ยอดติดตามในอินสตาแกรมของเธอก็หายไปหลายแสนคนในระยะไม่กี่วัน

แม้แต่ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ที่ปีนี้ ไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะอยู่ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต the Eras Tour (ดิ เอราส์ ทัวร์) ก็มียอดผู้ติดตามลดลงมากกว่า 2 แสนคน

ผู้ใช้งาน TikTok รายหนึ่ง ซึ่งเรียกตัวเองว่า “สวิฟตี้ชาวปาเลสไตน์” อธิบายว่า ถึงเวลาที่ต้องเลิกติดตาม บล็อก หรือเลิกปั่นวิวให้ศิลปินในดวงใจ เพราะนี่เป็นเรื่องของชีวิตคน และความยุติธรรม ถ้าเทย์เลอร์เคยออกตัวเชียร์เดโมแครต และช่วยรณรงค์ให้คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้แล้ว เธอเองก็ต้องมีพาวเวอร์ในการต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมด้วย

ศาสตราจารย์ นาตาชา ลินด์สแตต จากมหาวิทยาลัยเอสเซกซ์ ซึ่งศึกษาเรื่องความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับคนดัง มองว่าผลกระทบครั้งนี้น่าจะกินเวลาแค่สั้นๆ เท่านั้น เพราะบางครั้งผู้คนก็ตัดสินใจทำอะไรชั่ววูบ โดยอิงจากความรู้สึกของตนเองต่อปัญหานั้น ๆ เมื่อมาเห็นว่าดาราที่ชื่นชอบไม่ได้คิดหรืออยู่ข้างเดียวกับตน ย่อมเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากจะติดตามคนเหล่านี้อีกต่อไป

กระแสแบนคนดัง รายการทันโลก Express
กระแสต่อต้านเซเลบคนดัง ที่ไม่ยอมออกมาแสดงจุดยืนปมกาซา

ปรากฏการณ์นี้ มีชื่อเรียกว่า slacktivism (สแลกทิวิสซึม) หรือการที่ชาวเน็ตเลือกที่จะเคลื่อนไหวและแสดงจุดยืนผ่านโลกออนไลน์ ด้วยความรู้สึกว่าตนเองได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเปลี่ยนแปลงแล้ว แทนที่จะต้องออกไปเสี่ยงลงถนนประท้วง

เรื่องนี้เหล่าเซเลบคนดัง รู้วิธีรับมือที่เหมาะสมอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะเงียบและรอให้กระแสจางหายไปเอง โดยเฉพาะเมื่อเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวสูงอย่างสงครามกาซา แต่ก็มีตัวอย่างของคนดังที่เลือกรับมือต่างออกไป จนทำให้เกิดผลตามมา อาทิ นักแสดงหญิงดีกรีรางวัลออสการ์ ซูซาน ซาแรนดอน ที่ถูกเอเจนซีดาราฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง “UTA” ประกาศฉีกสัญญา หลังไปขึ้นเวทีชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว

และเมื่อไม่นานก็มีกรณีของดาราตลกชาวยิว เจอร์รี ไซน์เฟลด์ ซึ่งเคยวางตัวเป็นกลางทางการเมืองมาโดยตลอด ก่อนจะเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์เพราะเริ่มแสดงตัวว่าอยู่ข้างอิสราเอล และยิ่งเมื่อภรรยาของเขา บริจาคเงินให้กับกลุ่มผู้ประท้วงหนุนอิสราเอลที่ไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับม็อบนักศึกษาหนุนปาเลสไตน์ ในมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอล (UCLA) ก็ทำให้เขาถูกโจมตีหนักขึ้น

เดวิด แจ็กสัน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยวิจัย โบว์ลิง กรีน สเตต ในสหรัฐฯ ที่ศึกษาเรื่องผลกระทบของจุดยืนทาง การเมืองต่อความนิยมของเหล่าคนดัง เปิดเผยกับสำนักข่าว AFP ว่า เรื่องเซเลบคนดังในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้าไปมีส่วนทางการเมือง มีประวัติให้ย้อนกลับไปทำการศึกษาได้นานนับร้อยปี

แต่ในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วมกับคนดังผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย จนบางครั้งเกิดการทึกทักเอาเองว่าตัวเองมีความผูกพันส่วนตัวหรือสนิทสนมกับบุคคลที่มีชื่อเสียง การที่ศิลปินดาราเหล่านั้นมีจุดยืนไม่ตรงกับตนเอง หรือไม่แสดงจุดยืนใด ๆ จึงทำให้รู้สึกเหมือนถูกทรยศ ผลกระทบจึงเห็นได้ชัดเจนขึ้น

Bottom-VNL2025 Bottom-VNL2025

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ