เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา หลุยส์ มูโร นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยคาทอลิกเอกชนและหัวหน้าทีมเปิดเผยว่าซากปรักหักพังวิหารอายุ 4,000 ปีถูกซ่อนอยู่ในเนินทรายล้อมรอบด้วยพืชพรรณ ในเขตซานา ในภูมิภาคลัมบาเยเก ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลิมา เมืองหลวงไปทางตอนเหนือประมาณ 780 กิโลเมตร
โดยนักโบราณคดีระบุว่า พวกเขาค้นพบผนังและฐานของวัด ซึ่งมีหลายชั้น และสร้างขึ้นจากอิฐดิบ รวมถึงโครงกระดูกของผู้ใหญ่ 3 คน ที่บ่งชี้ว่าพวกเขาถูกบูชายัญในพิธีกรรม
ขณะที่รายละเอียดบนผนังด้านหนึ่งของวัดมีภาพวาดนูนสูงเป็นรูปร่างกายมนุษย์และหัวนก ซึ่งเป็นบุคคลในตำนานจากความเชื่อทางศาสนาในสมัยนั้น ลักษณะเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนวัฒนธรรมที่มีชื่อว่า “ชาวีน” (Chavin) ที่อยู่ห่างไกลบนชายฝั่งตอนกลางของประเทศ
หลุยส์ มูโร ระบุด้วยว่า โครงสร้างของวิหารนี้ดูเหมือนจะเป็นโรงละครที่สร้างด้วยผนังอิฐดิบ "โครงสร้างที่เราพบเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นโรงละครที่สร้างด้วยผนังอิฐดิบ มีบันไดตรงกลาง ผนังตกแต่งด้วยสีที่ก่อให้เกิดการออกแบบภาพ และการออกแบบนูนสูงที่สร้างรูปร่างของตัวละครในตำนาน"
นักโบราณคดี กล่าวว่า ในการขุดค้นอีกครั้งในบริเวณเดียวกัน ทีมนักโบราณคดีพบซากของสิ่งที่น่าจะเป็นวัดอีกแห่งซึ่งเป็นของวัฒนธรรม สมัยโมเช (Moche) ซึ่งเกิดขึ้นในภายหลังเมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว และยังถูกฝังด้วยทรายด้วย