ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ “AR-15” เป็นสิ่งที่เห็นได้เกือบจะทั่วไปในชีวิตในสหรัฐฯ ตั้งแต่เข็มกลัดปกเสื้อสมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกัน ธงสัมพันธมิตรที่มีภาพเงาของ AR-15 และการจลาจลบุกรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 รวมถึงเป็นปืนที่มักถูกใช้ในแคมเปญเรียกร้องมาตรการควบคุมอาวุธปืน
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ปืนไรเฟิล AR-15 ได้กลับมาเป็นที่พูดถึงในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ อีกครั้ง เพราะเป็นอาวุธที่ถูกใช้ในความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
คาเมรอน แม็กเวอร์เตอร์ นักข่าวและผู้ร่วมเขียนหนังสือ American Gun: The True Story of the AR-15 กล่าวว่า “ปืนที่พรรคของเขาเชิญชวนให้ใช้ ตอนนนี้มีคนใช้มันเพื่อพยายามฆ่าเขาแล้ว ... นี่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้หรือไม่? ผมคิดว่าเราทุกคนต่างสงสัย”
เขาเสริมว่า “การถกเถียงเรื่องปืนไม่ได้เป็นประเด็นหลักการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ แต่วิกฤติล่าสุดที่เกิดขึ้นทำให้มันกลับมาสู่เบื้องหน้าอีกครั้ง”
AR-15 เป็นอาวุธสงครามที่ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา ยิงง่ายและพกพาไปในสนามได้ เป็นหนึ่งในอาวุธปืนที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากที่สุดในสหรัฐฯ โดยข้อมูลของแม็กเวอร์เตอร์ระบุว่า มีพลเรือนในสหรัฐฯ ครอบครองปืนชนิดนี้อยู่มากถึงเกือบ 25 ล้านกระบอก
AR-15 มักถูกใช้ในการกราดยิง รวมถึงเหตุการณ์กราดยิงในอูวาลเด รัฐเท็กซัส, เหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนเมื่อปี 2022 ที่พาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดา, เหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมปลายปี 2018, เหตุกราดยิงในเทศกาลดนตรีลาสเวกัสปี 2017, เหตุกราดยิงไนต์คลับในออร์แลนโดปี 2016, เหตุกราดยิงในโรงเรียนประถม เมื่อปี 2012 และอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
แม็กเวอร์เตอร์กล่าวว่า มีการใช้ AR-15 ซ้ำแล้วซ้ำอีกในการกระทำรุนแรงเหล่านี้ “เรากำลังพูดถึงเหตุกราดยิงจำนวนมาก และทันทีที่เราได้ยินเรื่องนี้ เราก็จะถามทันทีว่า ‘มันคือ AR-15 ใช่หรือไม่’ คำตอบคือคำว่า ‘ใช่’ มากขึ้นเรื่อย ๆ”
ต้นกำเนิดของอาวุธร้ายแรงนี้ต้องย้อนกลับไปในทศวรรษ 1950 เมื่ออดีตนาวิกโยธินชื่อ ยูจีน สโตนเนอร์ พยายามออกแบบปืนไรเฟิลน้ำหนักเบาและยิงง่ายสำหรับกองทัพสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับนักรบกองโจรที่ติดอาวุธ AK-47
ซูชา เอลินสัน อีกหนึ่งผู้ร่วมเขียนหนังสือ American Gun: The True Story of the AR-15 บอกว่า “ผลลัพธ์สุดท้ายคือปืนที่สามารถยิงกระสุนจำนวนมากได้รวดเร็วมาก ยิงและเข้าเป้าได้ง่ายมาก และนั่นคือสิ่งที่คนในกองทัพต้องการ”
จนในที่สุด บริษัทปืน Colt ก็เริ่มจำหน่าย AR-15 เวอร์ชันพลเรือน
AR-15 เป็นอาวุธที่ถูกกฎหมายใน 50 รัฐ (บางรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย มีข้อจำกัดเกี่ยวกับขนาดแม็กกาซีนและการดัดแปลงที่สามารถทำได้) “การซื้อ AR-15 ในประเทศนี้เป็นเรื่องง่ายมาก” แม็กเวอร์เตอร์กล่าว
เอลินสันบอกว่า ความนิยมของ AR-15 ถือเป็น “อุบัติเหตุทางการเมือง” เพราะอัตราอาชญากรรมที่สูงในช่วงทศวรรษที่ 80 และ 90 จุดประกายให้เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านปืนกึ่งอัตโนมัติสไตล์ทหาร
และในปี 1994 ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้ลงนามในคำสั่งแบนอาวุธของรัฐบาลกลาง (Federal Assault Weapons Ban) โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต
แต่การสั่งห้ามดังกล่าวกลับยกระดับสถานะของ AR-15 โดยไม่ได้ตั้งใจ เอลินสันกล่าวว่า “มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของสิทธิในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมครั้งที่ 2 และมันดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้หันมาสนใจปืน”
ในปี 2004 สภาคองเกรสที่นำโดยพรรครีพับลิกันอนุมัติยกเลิกคำสั่งห้ามดังกล่าว แม็กเวอร์เตอร์บอกว่า “ทันทีที่กฎหมายหายไป ผู้ผลิตปืนรายใหญ่หลายรายที่ต่อต้านต่างก็กระโดดเข้ามา เพราะผลกำไรนั้นน่าดึงดูดใจเกินไป AR-15 นั้นผลิตได้ง่าย และคุณสามารถเพิ่มและลดการผลิตได้อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ล้วนน่าดึงดูดใจมาก ในขณะเดียวกัน ประกอบกับเรื่องของ ‘สงครามต่อต้านการก่อการร้าย’ ช่วยให้ยอดขาย AR-15 พุ่งทะลุเพดาน”
เขาเสริมว่า AR-15 ยังคงเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและการเมืองที่ทรงพลังจนถึงปัจจุบัน “AR-15 เป็นปืนที่กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนในอเมริกาต้องการต่อสู้แย่งชิง”
แม็กเวอร์เตอร์กล่าวว่า “ปืนนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการสิทธิปืน ในเวลาเดียวกัน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้คนที่เรียกร้องให้มีกฎหมายปืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น”
เขาบอกว่า การพยายามลอบสังหารทรัมป์ด้วย AR-15 ที่เกิดขึ้นจะทำให้การถกเถียงเรื่องปืนกลายเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
แต่พรรครีพับลิกันจะต้องเจอคำถามสำคัญแน่นอนว่า พวกเขาจะสั่งแบนหรือควบคุม AR-15 เพื่อเป็นแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองหรือไม่?
“อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เกือบถูกสังหาร นั่นควรทำให้ไม่ว่าคุณจะมีความคิดเห็นทางการเมืองเช่นไรก็ตามต้องพูดว่า ‘เราจะก้าวไปทางไหนในฐานะประเทศหนึ่ง และเราควรทำอย่างไรเพื่อให้มีสถานที่ที่ดีกว่าและปลอดภัยยิ่งขึ้นที่เราทุกคนต้องการอยู่’” แม็กเวอร์เตอร์กล่าว
เขาเสริมว่า “สิ่งหนึ่งที่เรา (ชาวอเมริกัน) ต้องรับมือ นอกเหนือจากความแตกแยกทางการเมือง ก็คือความแพร่หลายของปืน”
เรียบเรียงจาก The Guardian
พบสารพิษในกระติกน้ำ ก่อนสังเวย 6 ศพ ที่กลุ่มผู้ตายนำมาเอง
อุตุฯ เตือนฉบับ 10 ประเทศไทยฝนตกหนักถึงหนักมากจนถึงวันที่ 19 ก.ค.