การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนมีเคลื่อนไหวความสำคัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค. โดยภูมิภาคเคิร์สก์ (Kurst) ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนของรัสเซีย ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งมีอาณาเขตติดกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ได้ประกาศสภาวะฉุกเฉิน หลังเกิดเหตุกองกำลังยูเครนบุกจู่โจมข้ามพรมแดนตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 6 ส.ค.
อเล็กเซ สเมอร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการภูมิภาคเคิร์สก์ ระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อกำจัดกองกำลังฝ่ายศัตรูที่แทรกซึมเข้ามาในพื้นที่
โดยขณะนี้ได้อพยพประชาชนหลายพันคนออกไป และเมืองอื่น ๆ จะส่งทีมแพทย์เข้ามาให้ความช่วยเหลือ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ส.ค. กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า ได้ผลักดันกองกำลังยูเครนออกจากภูมิภาคเคิร์สก์ได้แล้ว ก่อนที่จะยอมรับว่าการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ทำให้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ต้องเรียกประชุมฉุกเฉินในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ส.ค. พร้อมทั้งเตือนยูเครนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการยั่วยุครั้งใหญ่และทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น
ผลเทควันโดโอลิมปิก 2024 "เทนนิส" พาณิภัค คว้าทองโอลิมปิกสมัย 2
เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงไทย ทำศึกซี วี ลีก 2024 สัปดาห์ 2
คำขวัญวันแม่แห่งชาติ 2567 พร้อมมัดรวมย้อนหลังทุกๆ ปี
โดยผู้นำรัสเซียระบุว่า กองกำลังของยูเครนที่บุกข้ามพรมแดนเข้ามาได้เปิดฉากโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าต่อเป้าหมายพลเรือน ทั้งอาคารบ้านเรือนของประชาชนและรถพยาบาล
ขณะที่ พลเอก วาเลรี เกราสิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการกองทัพรัสเซีย ได้แจ้งต่อประธานาธิบดีปูตินว่า ทหารยูเครนประมาณ 1,000 นายได้เคลื่อนกำลังเข้ามาในภูมิภาคเคิร์สก์ เพื่อยึดพื้นที่รอบเมือง ๆ "ซุดชา" (Sudzha) แต่กองกำลังของรัสเซียสามารถหยุดยั้งเอาไว้ได้ โดยกำลังพลยูเครนเสียชีวิตประมาณ 100 นาย และบาดเจ็บ 215 นาย
อย่างไรก็ตาม บล็อกเกอร์สายทหารที่ติดตามการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน รายงานว่า สถานการณ์ในภูมิภาคเคิร์สก์ยังไม่กลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยกองกำลังของยูเครนสามารถเคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร ใกล้กับสถานีส่งก๊าซขนาดใหญ่ของเมืองซุดชา ซึ่งนับตั้งแต่การบุกจู่โจมเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันอังคาร ทางการรัสเซียได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ชายแดนแล้วประมาณ 2,000 คน
ส่วนที่ภูมิภาคเบลโกรอด ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันได้มีการแจ้งเตือนภัยการโจมตีด้วยขีปนาวุธตลอดเมื่อวันที่ 7 ส.ค. และพบว่ายูเครนได้ทำการโจมตีทางอากาศหลายครั้ง ส่งผลให้มีประชาชนบาดเจ็บหลายคน
นักวิเคราะห์ด้านการทหารเชื่อว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของยูเครนในปฏิบัติการข้ามพรมแดนครั้งนี้ไม่ใช่การบุกยึดดินแดน แต่น่าจะเป็นความพยายามทำให้รัสเซียต้องแบ่งกำลังทหารบางส่วนเข้ามาดูแลพื้นที่ชายแดนมากขึ้น