ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โซเชียลมีเดียเมียนมาพากันแชร์โพสต์ที่อ้างว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงได้ร่วมกันจับกุม พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร ไว้ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งเป็นความพยายามในการยึดอำนาจและเปลี่ยนตัวผู้นำ
ล่าสุด รัฐบาลทหารเมียนมาได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ โดยยืนยันว่า คำกล่าวอ้างเหล่านี้เป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อ ที่มีจุดประสงค์เพื่อทำลายสันติภาพและเสถียรภาพของประเทศ ซึ่งผู้ที่แชร์ข่าวปลอมดังกล่าวถือเป็น คนทรยศ
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า หัวหน้ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังคงทำหน้าที่รับใช้ชาติด้วยกันตามปกติ
และเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้เดินทางเข้าพบกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่กรุงเนปิดอว์ เพื่อพูดคุยเรื่องปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน หลังเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับความร่วมมือของ 2 ชาติ ในหลายภาคส่วน
ซึ่งภาพการพบกันของทั้งคู่ ที่เผยแพร่ออกมา ช่วยสยบข่าวเรื่องผู้นำรัฐบาลทหารถูกยึดอำนาจได้เป็นอย่างดี
สำหรับจีน ถือเป็นพันธมิตรสำคัญและเป็นผู้จัดหาอาวุธให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า รัฐบาลปักกิ่งก็ยังรักษาสายสัมพันธ์กับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อสู้กับกองทัพเมียนมาในรัฐฉานตอนเหนือเอาไว้
โดยรัฐฉาน ซึ่งมีชายแดนติดกับมณฑลยูนนานของจีน ถือเป็นด่านการค้าชายแดนที่สำคัญระหว่างเมียนมากับจีน
ขณะนี้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เริ่มเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นจากกลุ่มที่สนับสนุนกองทัพเอง เนื่องจากทหารเมียนมาเพลี่ยงพล้ำ สูญเสียดินแดนอย่างต่อเนื่องให้กับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ และฝ่ายต่อต้าน ล่าสุด ก็คือความพ่ายแพ้ในเมืองล่าเสี้ยว ซึ่งเป็นฐานบัญชาการระดับภูมิภาคแห่งแรกจากทั้งหมด 14 แห่ง ที่ตกเป็นของฝ่ายต่อต้าน
เรื่องนี้ มิน อ่อง หล่าย ชี้แจงว่า กองทัพต้องถอยร่น ทิ้งฐานทัพ เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน และยังอ้างว่า กองกำลังชาติพันธุ์ได้รับอาวุธ ทั้งโดรน และขีปนาวุธพิสัยใกล้ จากต่างชาติ ซึ่งไม่ได้มีการระบุแน่ชัดว่าคือประเทศใด