สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทมส์ ได้เผยแพร่บทความที่เขียนร่วมกันเป็นครั้งแรกของเซอร์ ริชาร์ด มัวร์ (Sir Richard Moore) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองลับอังกฤษ หรือ เอ็มไอ-ซิกส์ (MI-6) และ วิลเลียม เบิร์นส์ (William Burns) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA
ทั้งสองระบุว่าสหรัฐฯและอังกฤษมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในเหตุการณ์สำคัญๆหลายครั้งตลอดศตวรรษที่ผ่านมาทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สงคราม รวมทั้งการต่อต้านการก่อการร้าย
แต่การแข่งขันในระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บวกกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ทั้งสองประเทศเผชิญกับหลากหลายภัยคุกคามหลกาอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
โดยบทความของ มัวร์ และ เบิรนส์ ย้ำว่าทั้งสองประเทศยังคงร่วมมือกันต่อต้านรัสเซียที่ส่งกำลังรุกรานยูเครน รวมถึงป้องกันเหตุวินาศกรรมทั่วยุโรป ที่มีรัสเซียเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลัง และเดินหน้าผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา
ขณะที่สำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า อิหร่านเพิ่งส่งมอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ให้รัสเซียนำใช้ในสงครามกับยูเครน โดยการส่งมอบเสร็จสิ้นแล้ว หลังดำเนินการมานานเกือบ 1 ปี
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าขีปนาวุธเหล่านี้ถูกส่งมอบเมื่อใด แต่การส่งมอบเกิดขึ้นในขณะที่รัสเซียยกระดับการโจมตีเมืองต่าง ๆ ของยูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรน
ฌอน ซาเวตต์ (Sean Savett)โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯเตือนว่า ความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างรัสเซียและอิหร่านแน่นแฟ้นมากขึ้นตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล และพัธมิตรชาติตะวันพร้อมใช้มาตราการตอบโต้ที่ชัดเจน
การจัดหาขีปนาวุธถือเป็นการยกระดับการสนับสนุนรัสเซียของอิหร่านอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ผ่านมาเคยมีรายงานว่า อิหร่านได้จัดหาโดรนให้กับรัสเซียหลายร้อยลำ ซึ่งกองกำลังรัสเซียนำไปใช้ในสงครามกับยูเครน และรัสเซียยังได้สร้างโรงงานผลิตโดรนในประเทศด้วยความช่วยเหลือของอิหร่านด้วย
โดยแหล่งข่าวบอกว่า การเจรจาของรัสเซียเพื่อจัดหาขีปนาวุธพิสัยใกล้จากอิหร่านเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ซึ่ง เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียในขณะนั้น ได้เดินทางไปอิหร่านเพื่อดูระบบขีปนาวุธพิสัยใกล้ “อาบาบิล” (Ababil) ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC)
ด้านคณะผู้แทนถาวรของอิหร่านประจำสหประชาชาติปฏิเสธว่าไม่ได้ดำเนินการส่งมอบอาวุธดังกล่าว โดยย้ำว่าอิหร่านยังคงยึดมั่นในจุดยืนเดิมที่จะไม่ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ฝ่ายใด ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของมนุษย์เพิ่มขึ้น การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน และการหลีกเลี่ยงการการเจรจาหยุดยิง อันถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม