ระหว่างการประชุมร่วมกับผู้นำกองทัพชาติพันธมิตรที่กรุงปราก เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กระหว่างวันที่ 13-14 ก.ย. พลเรือเอก ร็อบ บาว-เออร์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการทหารขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO) ยืนยันว่า ยูเครนมีสิทธิอันชอบธรรอย่างชัดเจนทั้งด้านกฎหมายและการสู้รบที่จะโจมตีเป้าหมายภายในอาณาเขตของรัสเซียเพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ เนื่องจากขอบเขตการป้องกันตนเอง ไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงแต่ภายในพรมแดนของชาติตัวเองเท่านั้น
ขณะที่ พลโท คาเรล เรฮ์กา ประธานคณะะเสนาธิการกองทัพสาธารณรัฐเช็กหนึ่งในชาติสมาชิกนาโต ให้ความเห็นว่ายูเครนควรได้รับอนุญาตให้ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะใช้ยุทโธปกรณ์ที่ได้รับอย่างไร
โดยพลโทเรฮ์กายืนยันว่า สาธารณรัฐเช็กไม่เคยจำกัดการใช้อาวุธที่บริจาคให้กับยูเครน แต่การกำหนดเงื่อนไขต่างๆเป็นอำนาจที่แต่ละชาติจะพิจารณากันเอง และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความเสี่ยงที่สงครามจะขยายวงออกไป
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้พบหารือกับ นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำอังกฤษ ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญของการหารือ เกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เรียกร้องให้พันธมิตรตะวันตกผ่อนคลายเงื่อนไขมากขึ้น เพื่อให้กองทัพยูเครนสามารถใช้อาวุธที่มีพิสัยทำการระยะไกลเพื่อโจมตีเป้ากมายในรัสเซียได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์กล่าวว่า ไม่มีการหารือเป็นพิเศษเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว แต่จะมีการพูดคุยเรื่องนี้ ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่เมืองนิวยอร์ก ในช่วงปลายเดือนนี้