ไม่ถึง 10 วันหลังจากพายุเฮอริเคนเฮลีนพัดขึ้นฝั่งในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ล่าสุดประชาชนต้องเตรียมรับมือกับพายุลูกใหม่ หลังมีพายุก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งคาดว่าอาจทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 3
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ แจ้งเตือนว่าพายุโซนร้อนมิลตัน (Milton) ก่อตัวขึ้นในอ่าวเม็กซิโกทางตะวันตกเมื่อเช้าวันที่ 5 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่พายุนี้กลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และกำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่เร็วกว่าปกติ
คาดว่ามิลตันจะทวีความรุนแรงขึ้นและก่อให้เกิดผลกระทบที่คุกคามชีวิตต่อพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของรัฐฟลอริดาในสัปดาห์หน้า ด้วยลมเฉือนแนวตั้งที่ต่ำมากและอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่อุ่น มิลตันจะสามารถเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในไม่กี่วันข้างหน้า
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติระบุว่า “การคาดการณ์ความรุนแรงอย่างเป็นทางการระบุว่า มิลตันจะกลายเป็นพายุเฮอริเคนในอีกประมาณ 36 ชั่วโมง และจะกลายเป็นพายุเฮอริเคนที่รุนแรงภายใน 72 ชั่วโมง”
ศูนย์เฮอริเคนเสริมว่า “คาดว่าพายุจะทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็วในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่านอ่าวเม็กซิโก และอยู่ในระดับหรือใกล้เคียงกับระดับเฮอริเคนรุนแรงเมื่อพัดเข้าสู่ชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรฟลอริดาในช่วงกลางสัปดาห์”
เบื้องต้นคาดว่าพายุจะพัดขึ้นฝั่งในฟลอริดาด้วยความรุนแรงสูงสุดถึงระดับ 3 โดยมีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เฮอริเคนรุนแรงเป็นคำที่ใช้เรียกเฮอริเคนที่มีความรุนแรงระดับ 3 ขึ้นไปตามมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน พายุเฮอริเคนที่จะกลายเป็นพายุระดับ 3 จะต้องมีความเร็วลมคงที่ที่ 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ศูนย์กลางของพายุ
มีแนวโน้มว่าจะมีการออกคำเตือนเกี่ยวกับเฮอริเคนและคลื่นพายุซัดฝั่งในบางส่วนของชายฝั่งฟลอริดาในวันที่ 6 ต.ค. โดยคาดว่าจะมีคลื่นพายุซัดฝั่งที่เป็นอันตรายในบางพื้นที่ที่เพิ่งได้รับผลกระทบจากเฮอริเคนเฮลีน
ในการเตรียมพร้อมรับมือกับพายุ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฝนที่ตกหนักในพื้นที่บางส่วนในเม็กซิโกอาจเกิดขึ้นได้ใน 1-2 วันข้างหน้า และตกในพื้นที่ส่วนใหญ่ของฟลอริดาในช่วงปลายสุดสัปดาห์นี้ไปจนถึงกลางสัปดาห์หน้า”
มิลตันจะถล่มฟลอริดาซึ่งเพิ่งได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างจากพายุเฮลีน ซึ่งพัดขึ้นฝั่งเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่บิ๊กเบนด์ รัฐฟลอริดา โดยเป้นเฮอริเคนระดับ 4 และก่อให้เกิดเส้นทางแห่งการทำลายล้างยาว 800 กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง ลมกระโชกแรง และไฟฟ้าดับ เจ้าหน้าที่รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายใน 6 รัฐ และเกรงว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น
เรียบเรียงจาก CNN