วันที่ 19 พ.ย. ประชาชนนับหมื่นคนออกมาชุมนุมประท้วงหน้ารัฐสภานิวซีแลนด์ เพื่อต่อต้านร่างกฎหมายที่นักวิจารณ์ระบุว่าจะส่งผลกระทบต่อสิทธิของชาวเมารี หรือชาวพื้นเมืองในนิวซีแลนด์
มีผู้คนประมาณ 42,000 คนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาปฏิเสธร่างกฎหมายหลักการสนธิสัญญา (Treaty Reject Bill) ซึ่งพรรคเสรีนิยม เอซีทีนิวซีแลนด์ ได้เสนอเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ร่างกฎหมายดังกล่าว หากผ่าน จะทำให้เกิดการตีความสนธิสัญญา “Waitangi” ใหม่ โดยสนธิสัญญานี้มีอายุกว่า 184 ปี เป็นสนธิสัญญาระหว่างอังกฤษและชนเผ่าเมารี ให้สิทธิอย่างกว้างขวางแก่ชนเผ่าเมารีในการคงไว้ซึ่งดินแดนของตนและปกป้องผลประโยชน์ของตน เพื่อแลกกับการโอนการปกครองให้กับอังกฤษ
"พิชัย" เผย โอนเงิน 10,000 บาท เฟสสอง ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เกินตรุษจีน 68
วันหยุดธันวาคม 2567 เช็กวันสำคัญ - วางแผนลา หยุดยาวได้มากถึง 11 วัน
5 สิ่งใหม่ คาดมาใน Samsung Galaxy S25 Ultra
สนธิสัญญาฉบับนี้ยังเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายในปัจจุบัน โดยมีคำตัดสินจากศาลและศาลพิเศษเฉพาะของชาวเมารีที่ขยายสิทธิและสิทธิพิเศษของชาวเมารีตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
แม้ว่ากฎหมายที่เสนอนี้จะขาดการสนับสนุนที่จำเป็นในการผ่าน แต่บรรดานักวิจารณ์กังวลว่า กฎหมายดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม พวกเขากล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้พยายามที่จะพลิกกลับนโยบายที่เสริมอำนาจให้กับชาวเมารี
ชาวเมารีคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด แต่มีระดับความอดอยากและการถูกคุมขังสูงกว่า และมีสุขภาพที่แย่กว่าประชากรกลุ่มอื่นในประเทศ
การประท้วงในวันที่ 19 พ.ย. นั้นมีลักษณะเป็นการเดินขบวน 9 วัน หรือที่เรียกว่า “hikoi” ในภาษาเมารี จะเริ่มต้นในพื้นที่ตอนเหนือสุดของประเทศ จากนั้นเดินทางลงใต้ด้วยการเดินเท้าและรถยนต์ไปยังเมืองเวลลิงตัน โดยระหว่างทางผู้คนนับพันจะทยอยเข้าร่วมการชุมนุมในเมืองต่าง ๆ
ผู้ประท้วงบางคนในฝูงชนสวมชุดประจำชนเผ่าพร้อมหมวกขนนกและเสื้อคลุม และถืออาวุธดั้งเดิมของชาวเมารี บางคนสวมเสื้อยืดที่มีคำว่า Toitu te Tiriti (ให้เกียรติสนธิสัญญา) และผู้คนหลายร้อยคนถือธงชาติของชาวเมารี
สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พ.ย. โดยในระหว่างนั้น สมาชิกรัฐสภา ฮานา-ราวิตี ไมปี-คลาร์ก จากพรรค Te Pati Maori ซึ่งเป็นชาวเมารี ได้ฉีกสำเนาของร่างกฎหมายดังกล่าวและนำสมาชิกสภาที่เป็นชนเผ่าเมารีเต้นรำฮาก้าแบบดั้งเดิมเพื่อประท้วง
เรียบเรียงจาก Al Jazeera