วันที่ 19 พ.ย. ศาลฮ่องกงมีคำตัดสินจำคุกแกนนำกลุ่มประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่รู้จักกันในชื่อ “Hong Kong 47” ในข้อหาบ่อนทำลาย ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติจีน
โดยจากนักเคลื่อนไหวทั้งหมด 47 คนของกลุ่มแกนนำ มี 45 คนที่ถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 50 เดือนไปจนถึง 10 ปี และมี 2 คนที่พ้นจากข้อกล่าวหา
จำเลยทั้ง 45 คนมีทั้งอดีตสมาชิกรัฐสภา นักเคลื่อนไหว ตัวแทนสหภาพแรงงาน และนักข่าวที่มีชื่อเสียง
หนึ่งในผู้ถูกตัดสินจำคุกคือ “โจชัว หว่อง” อดีตแกนนำนักศึกษาและตัวแทนของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งขณะถูกคุมตัวได้ตะโกนว่า “ผมรักฮ่องกง”
นี่ถือเป็นการดำเนินคดีครั้งใหญ่ที่สุดภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนบังคับใช้ในฮ่องกงตั้งแต่ปี 2020 และถูกมองว่าเป็นการทำลายประชาธิปไตยของฮ่องกงอย่างรุนแรงที่สุด
"พิชัย" เผย โอนเงิน 10,000 บาท เฟสสอง ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เกินตรุษจีน 68
วันหยุดธันวาคม 2567 เช็กวันสำคัญ - วางแผนลา หยุดยาวได้มากถึง 11 วัน
5 สิ่งใหม่ คาดมาใน Samsung Galaxy S25 Ultra
ครั้งหนึ่งฮ่องกงเคยเป็นเมืองที่มีเสรีทางการเมืองสูงมาก เกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ และบางครั้งนำไปสู่เหตุปะทะรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ แต่หลังจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง ได้ทำให้ฮ่องกงถูกครอบงำโดยอำนาจของจีนแผ่นดินใหญ่โดยสมบูรณ์ มีการจับบุคคลสำคัญในพรรคการเมืองฝ่ายค้านหลาย และผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การเมืองถูกปิดปากหรือต้องหลบหนีไปต่างประเทศ
เบนนี ไถ นักวิชาการด้านกฎหมายชื่อดัง ซึ่งผู้พิพากษากล่าวหาว่าเป็น “ผู้วางแผน” และ “ผู้กระทำความผิดหลัก” ได้รับโทษจำคุกนานที่สุดถึง 10 ปี ซึ่งเป็นโทษจำคุกที่หนักที่สุดที่เคยมีมาภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
ส่วน โจชัว หว่อง หัวหน้ากลุ่มนักศึกษา ได้รับโทษจำคุก 4 ปี 8 เดือน
ด้าน กวินเน็ธ โฮ อดีตนักข่าวชื่อดังซึ่งมีความผิดฐานถ่ายทอดสดการประท้วงในปี 2019 ได้รับโทษจำคุก 7 ปี
อดีตสมาชิกรัฐสภา เหลียง กว๊อกหุ่ง ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “ผมยาว” และสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงมานานหลายทศวรรษ ได้รับโทษจำคุก 6 ปี 9 เดือน และคลอเดีย โม อดีตนักข่าวที่ผันตัวมาเป็นสมาชิกรัฐสภา ได้รับโทษจำคุก 4 ปี 2 เดือน
ในห้องพิจารณาคดีที่แน่นขนัด สมาชิกครอบครัวและเพื่อน ๆ บางคนของจำเลยพากันหลั่งน้ำตาขณะรับฟังคำตัดสิน
กลุ่ม Hong Kong 47 ถูกตั้งข้อหาสมคบคิดเพื่อก่อวินาศกรรมจากบทบาทของพวกเขาในการจัดการเลือกตั้งขั้นต้นอย่างไม่เป็นทางการในปี 2020 เพื่อเพิ่มโอกาสในการเลือกตั้ง แต่ทางการเมือง ตำรวจ และอัยการ โต้แย้งว่า การเลือกตั้งขั้นต้นตามระบอบประชาธิปไตยเป็น “แผนการใหญ่โตและจัดระบบอย่างดีเพื่อโค่นล้มรัฐบาลฮ่องกง”
ในการตัดสิน ผู้พิพากษากล่าวว่า “หากแผนของจำเลยได้ดำเนินการไปจนถึงที่สุด ผลที่ตามมาจะร้ายแรงไม่แพ้การโค่นล้มรัฐบาล”
เรียบเรียงจาก BBC