เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลซีเรียได้รวมตัวกันที่จตุรัสกลางเมืองฮาราสตา (Harasta) เพื่อทำลายรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี ฮาเฟซ อัลอัซซาด พ่อของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำประเทศคนปัจจุบัน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่มีรายงานว่า พันธมิตรฝ่ายกบฏที่นำโดยกลุ่มติดอาวุธ ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) หรือ HTS ได้เคลื่อนกำลังจากฝั่งตะวันออกเข้าสู่เมืองฮาราสตา ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรีย เพียงไม่กี่กิโลเมตร
นอกจากนี้ องค์กรสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชในซีเรียเปิดเผยว่า ขณะนี้พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธฝ่ายกบฏใน 3 พื้นที่ชานกรุงดามัสกัส คือ มาดามิยาห์ (Maadamiyah), จารามานา (Jaramana) และดารายา (Daraya) นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้บุกถึงชานกรุงดามัสกัส
ขณะที่ ฮัสซัน อับเดล กานี หัวหน้ากลุ่ม HTS ระบุว่า ปฏิบัติการของแนวร่วมในสังกัดได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วนั่นคือการปิดล้อมกรุงดามัสกัส
ด้านกระทรวงกลาโหมของซีเรียยืนยันว่า กองทัพรัฐบาลยังคงประจำการในทุกพื้นที่รอบกรุงดามัสกัส หลังจากมีข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า กองทัพรัฐบาลถอนกำลังออกจากพื้นที่ชานกรุงแล้ว ส่วนทำเนียบประธานาธิบดียืนยันว่า ประธานาธิบดีอัสซาดไม่ได้หลบหนีออกจากกรุงดามัสกัส
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ พันธมิตรฝ่ายกบฎสามารถยึดเมืองใหญ่ของซีเรียจากฝ่ายรัฐบาลได้แล้ว 4 แห่ง คืออเลปโป ฮามา ฮอมส์ และดารา หลังจากที่กลุ่ม HTS เปิดฉากโจมตีทหารฝ่ายรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่า ขณะนี้มีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ที่รัฐบาลของประธานาธิบดีอัซซาดจะล่มสลายภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยมีรายงานว่า อิหร่าน หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของประธานาธิบดีอัสซาด ได้อพยพบุคลากรของกองทัพที่รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับบัญชาออกจากซีเรียแล้ว
แต่หากเกิดการรัฐประหารล้มรัฐบาลอัซซาดและจัดระบบการบริหารใหม่ ก็อาจช่วยยืดระยะเวลาการยึดซีเรียของฝ่ายกบฎไปได้อีก
ด้าน เฮออรี ทีคี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ระบุว่า การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฝ่ายกบฎในซีเรีย แสดงให้เห็นว่ารัสเซียไม่สามารถต่อสู้ใน 2 แนวรบไปพร้อม ๆ กันได้ และยืนยันว่า ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในซีเรียตามที่อิหร่านกล่าวหา