ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ระบุว่า รัสเซียตัดสินใจอย่างมีสติในปฏิบัติการโจมตีถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ ในชั่วข้ามคืนของวันคริสต์มาส พร้อมประณามรัฐบาลมอสโกว่า ไร้มนุษยธรรม และในตอนนี้รัฐบาลเคียฟกำลังเร่งดำเนินการเพื่อฟื้นฟูระบบพลังงานให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
เซเลนสกี ระบุว่า ความชั่วร้ายของรัสเซียไม่อาจทำลายล้างยูเครน และไม่อาจทำให้บรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสให้บิดเบี้ยวได้
แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้าจำนวนมาก
รวมไว้ที่นี่ "ทางด่วน-มอเตอร์เวย์ฟรี" ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
ศาลอาญา ยกฟ้อง “ดีเจแมน-ใบเตย” คดี Forex-3D เตรียมปล่อยตัวค่ำวันนี้!
ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน ประธานาธิบดีเซเลนสกี เคยกล่าวว่า ราว 80 เปอร์เซ็นต์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน ถูกทำลายด้วยระเบิดของรัสเซีย
ถ้อยแถลงดังกล่าวของผู้นำยูเครน มีขึ้นหลังจากกองทัพอากาศเคียฟ เปิดเผยว่าตรวจพบขีปนาวุธและอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนราว 184 ลูก ถูกยิงเข้ามาในยูเครน อย่างไรก็ตาม มีหลายลูกถูกยิงตก หรือพลาดเป้าหมายในการโจมตี ที่ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีการรายงานตัวเลขออกมา
ด้านนายอังดรี ซีบีฮา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน เรียกการโจมตีนี้ว่าเป็นการสร้างความหวาดกลัวในวันคริสต์มาส พร้อมเสริมว่า ขีปนาวุธของรัสเซียยิงผ่านน่านฟ้าของมอลโดวาและโรมาเนีย ซึ่งยิ่งเป็นการย้ำเตือนว่ารัสเซียไม่เพียงคุกคามเฉพาะยูเครนเท่านั้น
ขณะที่กระทรวงกลาโหมของรัสเซียยืนยันว่า การโจมตีครั้งนี้ กองทัพได้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญของยูเครน พร้อมเสริมว่า ปฏิบัติการดังกล่าวประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีและสามารถโจมตีเข้าทุกเป้าหมายที่วางแผนเอาไว้
ปฏิบัติการของรัสเซียซึ่งเป็นการโจมตีใหญ่ครั้งที่ 13 พุ่งเป้าถล่มภาคพลังงานของยูเครนในปีนี้ ส่งผลทำให้ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างทั่วยูเครน รวมถึง ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งผู้อยู่อาศัยบางส่วนต้องเข้าไปหลบภัยอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดิน
ส่วนในเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีรายงานว่า ประชาชนราว 5 แสนคนประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ไม่มีไฟฟ้าใช้ และเครื่องทำความร้อนใช้การไม่ได้ ท่ามกลางอุณหภูมิที่เย็นจัดในช่วงฤดูหนาว
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ตอบโต้ต่อการโจมตีครั้งล่าสุดของรัสเซีย โดยระบุว่า จุดประสงค์ของการโจมตีที่รุนแรงในครั้งนี้ คือ เพื่อตัดการเข้าถึงความร้อนและไฟฟ้าของชาวยูเครนในช่วงฤดูหนาว และเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของโครงข่ายไฟฟ้า
“ไบเดน” ซึ่งเตรียมส่งมอบตำแหน่งผู้นำประเทศให้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกันในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ยังได้เรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ จัดสรรอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครนต่อไป