ภาพจากโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เผยให้เห็นเหตุการณ์ความโกลาหลวุ่นวาย หลังจากที่รถราง 2 ขบวน พร้อมผู้โดยสารจำนวนมาก ชนประสานงากันภายในอุโมงค์ ใกล้กับสถานีรถไฟกลางของเมืองสตราสบูร์ก ฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถานีที่มีผู้คนใช้งานพลุกพล่านมากที่สุดในประเทศ รองจากสถานีในกรุงปารีส ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันคละคลุ้ง และทำให้สัญญาณเตือนภัยทำงาน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรถราง 1 ใน 2 ขบวนที่เกิดเหตุ มีการสลับเปลี่ยนราง และไปชนเข้ากับรถรางอีกขบวนที่จอดนิ่งอยู่ แต่สื่อบางสำนักก็รายงานว่า ช่วงที่เกิดเหตุ รถรางอีกขบวนกำลังถอยหลังอยู่
โฆษกท้องถิ่นเมืองสตราสบูร์ก ระบุว่า ทางการเปิดการสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้แล้ว เบื้องต้นยังไม่มีการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บอยู่ที่อย่างน้อย 36 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีบาดแผลที่หนังศีรษะ กระดูกไหปลาร้าหัก บาดเจ็บที่ข้อเข่า
โดยทีมดับเพลิง เปิดเผยว่า ยอดผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 50 คน ส่วนคนขับรางทั้ง 2 ขบวน ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่ตื่นตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้น
แฌนน์ บาร์เซเกียน นายกเทศมนตรีเมืองสตราสบูร์ก ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในที่เกิดเหตุว่า ขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ จึงขอให้ประชาชนรอผลอย่างทางการเท่านั้น
หนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยกับสำนักข่าว AFP ว่า ช่วงที่เกิดเหตุ เห็นรถรางขบวนหนึ่งถอยหลังด้วยความเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่น ผลจากการชนกันครั้งนี้ ทำให้ประตูของรถรางปลิวกระเด็นออกไป และขบวนรถตกจากราง 1 ขบวน
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมพื้นที่ด้านหน้าสถานี และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงจุดดังกล่าว เพื่อเปิดทีมให้ทีมกู้ภัยฉุกเฉิน ลงพื้นที่ทำงาน
สำหรับเมืองสตาร์สบูร์ก ถือเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกของฝรั่งเศส ที่กลับมาให้บริการรถรางอีกครั้งในปี 1994 หลังจากที่ฝรั่งเศสเลิกใช้รถรางไปในปี 1960 ซึ่งหลังจากที่รถรางกลับมาให้บริการอีกครั้ง ก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุรุนแรงเกิดขึ้นกระทั่งเกิดเหตุนี้ขึ้น