เปิดแผนโลกตะลึงของ “ทรัมป์” ทำทันทีหลังสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ส่องแผนการแต่ละด้านที่คาดว่า “ทรัมป์” จะลงนามในคำสั่งให้มีผลทันทีที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ สัญญาว่าเขาจะ “ทำให้ทุกคนต้องตะลึง” ในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. โดยคาดว่าจะลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหารออกมาหลายฉบับภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47

เขาได้เสนอตัวอย่างคำสั่งบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงนาม โดยระบุว่า คำสั่งเหล่านี้จะมุ่งเป้าไปที่ประเด็นต่าง ๆ เช่น ผู้อพยพผิดกฎหมาย กฎระเบียบด้านสภาพอากาศ นโยบายความหลากหลาย เอกสารลับ และอื่น ๆ

คอนเทนต์แนะนำ
เปิดแผนโลกตะลึงของ “ทรัมป์” ทำทันทีหลังสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ
วันสาบานตน "โดนัลด์ ทรัมป์" ทำอะไรบ้าง? ก่อนนั่งเก้าอี้ ปธน. สหรัฐฯ
“ทรัมป์” เปิดตัวเหรียญมีม “$Trump” ก่อนเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งปธน.

เปิดแผนโลกตะลึง ทรัมป์ทำทันทีหลังสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐ AFP/JIM WATSON
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47

เป็นเรื่องปกติที่ประธานาธิบดีจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับเมื่อเข้ารับตำแหน่ง คำสั่งดังกล่าวมีน้ำหนักทางกฎหมาย แต่ประธานาธิบดีคนถัดไปหรือศาลสามารถยกเลิกคำสั่งได้

แต่ขนาดของแผนงานที่ทรัมป์วางแผนไว้อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีรายงานว่าเขาอาจมีคำสั่งถึง 200 คำสั่งในวันแรกของการทำงาน แต่ประเด็นที่ทราบเบื้องต้น มีดังนี้

ผู้อพยพและปัญหาชายแดน

ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะ “เปิดตัวโครงการเนรเทศผู้อพยพที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา” เริ่มตั้งแต่วันแรก โดยคาดว่าเขาจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนระดับประเทศ และสั่งให้กองทัพช่วยรักษาความปลอดภัยชายแดนด้านที่ติดกับเม็กซิโก

ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า เขาจะยุตินโยบายซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลางไม่สามารถเข้าตรวจค้นโบสถ์และโรงเรียนได้

ทรัมป์ยังอาจดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อนำนโยบาย “Remain in Mexico” กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งในช่วงการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของเขา นโยบายนี้ได้ส่งผู้ขอลี้ภัยที่ไม่ใช่ชาวเม็กซิกันประมาณ 70,000 คนกลับข้ามชายแดนไปยังเม็กซิโกเพื่อรอการพิจารณา

ทรัมป์ยังกล่าวว่า สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าใครก็ตาม (แม้แต่ลูกของผู้อพยพผิดกฎหมาย) ที่เกิดบนผืนแผ่นดินสหรัฐฯ ถือเป็นพลเมืองสหรัฐฯ เป็นเรื่อง “ไร้สาระ” และให้คำมั่นว่าจะยกเลิกตั้งแต่วันแรก

รัฐบาลทรัมป์อาจใช้มาตรการในปี 1944 ที่เรียกว่า Title 42 ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับการย้ายถิ่นฐานเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน ซึ่งมาตรการนี้ใช้ครั้งสุดท้ายระหว่างการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่สื่อของสหรัฐฯ รายงานว่ารัฐบาลชุดใหม่กำลังมองหาโรคที่จะนำมาใช้อ้างปิดพรมแดนทางใต้ของสหรัฐฯ กับเม็กซิโก

นอกจากนี้ เมื่อทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2016 เขาได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อสร้างกำแพงชายแดน แม้ว่ากำแพงบางส่วนจะสร้างขึ้นแล้วก็ตาม แต่ยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้สร้างให้เสร็จสมบูรณ์ และเขาอาจพยายามทำให้สิ่งที่เขาเริ่มต้นนั้นสำเร็จในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 นี้

การค้าและเศรษฐกิจ

ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาที่จะให้ความสำคัญกับการผลิตของสหรัฐฯ เป็นอันดับแรก โดนเขาได้เริ่มใช้ภาษีศุลกากรในวาระแรกของเขา ซึ่งรวมถึงภาษีศุลกากรสำหรับจีนที่ โจ ไบเดน ยังคงใช้อยู่

แต่คราวนี้ เขาสัญญาว่าจะขึ้นภาษีศุลกากร 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าทั้งหมด ขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้าของแคนาดาและเม็กซิโก และขึ้นภาษี 60% สำหรับสินค้าที่ส่งมาจากจีน เขากล่าวว่าจะเริ่มลงนามในคำสั่งเหล่านี้ในวันแรกเลย

ทรัมป์ยังสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัล และการเลือกตั้งของเขาทำให้มูลค่าของบิตคอยน์ (Bitcoin) เพิ่มขึ้น 30%

บางคนเชื่อว่าทรัมป์จะดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้าง “คลังบิตคอยน์” ของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ที่คล้ายกับคลังทองคำและน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งเขากล่าวว่าจะทำหน้าที่เป็น “สินทรัพย์แห่งชาติถาวรเพื่อประโยชน์ของชาวอเมริกันทุกคน”

สภาพอากาศและพลังงาน

ในยุคของประธานาธิบดี โจไบเดน ได้มีชุดคำสั่ง กฎหมาย และโครงการเงินทุนส่งเสริมงานสีเขียว ควบคุมมลพิษ และจัดหาเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน

แต่ทรัมป์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาต้องการยกเลิกคำสั่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ คาดว่าจะใช้คำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกข้อจำกัดการขุดเจาะนอกชายฝั่งและบนที่ดินของรัฐบาลกลาง เพื่อทำตามสัญญาของเขาในการ “ขุดและขุด” และเพิ่มการผลิตพลังงานและความเป็นอิสระของสหรัฐฯ

เขายังให้คำมั่นว่าจะห้ามโครงการพลังงานลมใหม่และยกเลิกข้อกำหนดการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ขณะเดียวกัน คาดว่าทรัมป์จะถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง โดยเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่สำคัญเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก หลังไบเดนนำสหรัฐฯ กลับเข้าไปในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2021

เหตุจลาจลบุกรัฐสภา

คาดว่าผู้คนหลายร้อยคนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดหลังจากเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 จะได้รับการอภัยโทษในวันที่ 20 ม.ค. 2025 เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง

ทรัมป์เคยกล่าวว่า “ผมค่อนข้างอยากอภัยโทษให้พวกเขาหลายคน ผมพูดไม่ได้ว่าทุกคนมีความผิด เพราะบางคนอาจควบคุมตัวเองไม่ได้”

ผู้คนมากกว่า 1,500 คนถูกจับกุมในเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างน้อย 600 คนถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายหรือขัดขวางเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง

เอกสารลับ

ในการปราศรัยก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะเปิดเผยเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดีในปี 1963 ซึ่งเป็นประเด็นที่มีทฤษฎีสมคบคิดมากมาย

เขากล่าวว่า เขาจะทำแบบเดียวกันนี้กับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสังหารวุฒิสมาชิก โรเบิร์ต เคนเนดี ในปี 1968 และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำด้านสิทธิมนุษยชน

นโยบายต่างประเทศ

ทรัมป์อ้างระหว่างการหาเสียงว่าเขาจะยุติความขัดแย้งในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี จากนั้นเขาก็กล่าวว่าเขาอาจต้องใช้เวลาหกเดือน ไม่ชัดเจนว่าเขาจะทำอะไรในช่วงวันแรกของการดำรงตำแหน่ง

ในส่วนของคิวบาและเวเนซุเอลา ทรัมป์อาจใช้คำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อลบล้างการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนในการถอดคิวบาออกจากรายชื่อรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เขายังอาจฟื้นการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาอีกด้วย

ความหลากหลายและเพศ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงเรียนและธุรกิจต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ ได้นำนโยบายที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยมาใช้

แนวทางปฏิบัติดังกล่าว ซึ่งมักจัดอยู่ในกลุ่ม “ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการให้ความสำคัญคนทุกกลุ่ม” (DEI) ได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมจำนวนมากและเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมาย ทรัมป์ได้สัญญาว่าจะยุบแนวทางปฏิบัติดังกล่าว และบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Meta, Walmart และ Amazon ก็ได้เริ่มยกเลิกแผนริเริ่มที่เกี่ยวข้องแล้ว

ทรัมป์ยังอาจใช้คำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อห้ามไม่ให้มีการส่งเงินทุนของรัฐบาลกลางไปโรงเรียนหรือสถาบันต่าง ๆ ที่มีโครงการ DEI นอกจากนี้ เขายังอาจห้ามไม่ให้เงินทุนแก่โรงเรียนที่สอน “ทฤษฎีวิพากษ์เชื้อชาติ” (CRT) อีกด้วย

คาดว่าทรัมป์จะนำ “นโยบายเม็กซิโกซิตี้” กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งจะห้ามไม่ให้รัฐบาลกลางให้ความช่วยเหลือกลุ่มนานาชาติที่ให้คำปรึกษาด้านการทำแท้ง

นอกจากนี้ คาดว่าเขาจะนำกฎการทำแท้งกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งห้ามผู้ให้บริการด้านสุขภาพของรัฐบาลกลางตามมาตรา X ซึ่งเป็นโครงการวางแผนครอบครัวสำหรับผู้มีรายได้น้อย พูดถึงการทำแท้งกับผู้ป่วย

ทรัมป์ยังเคยวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เขาเรียกว่า “ความโง่เขลาของคนข้ามเพศ” ในโรงเรียนและการดูแลสุขภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่า และให้คำมั่นว่าจะห้ามผู้หญิงข้ามเพศเข้าแข่งขันกีฬาสำหรับผู้หญิง

TikTok

เช้าวันที่ 19 ม.ค. ทรัมป์สัญญาว่า จะออกคำสั่งฝ่ายบริหารที่จะเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายที่ห้ามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok ของจีนออกไป

เขากล่าวว่าคำสั่งของเขาจะให้เวลาพวกเขาในการหาพันธมิตรในสหรัฐฯ เพื่อซื้อหุ้น 50% ในบริษัท

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์สนับสนุนการแบน TikTok แต่เพิ่งเปลี่ยนจุดยืนโดยชี้ให้เห็นถึงยอดผู้ชมหลายพันล้านครั้งที่เขาบอกว่าวิดีโอของเขาดึงดูดผู้ชมบนแพลตฟอร์มได้ระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว

 

เรียบเรียงจาก BBC

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ