ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งวันที่ 20 ม.ค. ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ชนะคะแนนโหวต "กมลา แฮร์ริส" ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตไปอย่างท่วมท้น พร้อมประกาศว่าการเข้ามานั่งเก้าอี้ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น "ยุคทองของอเมริกา" โดยการสาบานตนของว่าที่ประธานาธิบดี และว่าที่รองประธานาธิบดีคนใหม่นี้ จัดขึ้นภายในอาคารรัฐสภา เนื่องจากอากาศหนาวจัด
"ทรัมป์" เข้าพิธีสาบานตน โดยยืนถือพระคัมภีร์ไบเบิลและให้คำสาบานตนรับตำแหน่ง ซึ่งมี จอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน โดยทรัมป์กล่าวว่า "ผม โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ขอสาบานตน ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ รักษา ปกปักษ์ และป้องกัน รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐฯ ขอพระเจ้าช่วยเป็นพลังให้ลูกด้วย"
โดยพิธีสานบานตนนี้ มีผู้ร่วมงานราว 600 คน ร่วมเป็นสักขีพยานการเปลี่ยนผ่านอำนาจภายในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ จากที่ปกติแล้วจะเป็นพิธีการที่จัดด้านนอกอาคาร และมีผู้คนราว 250,000 คนได้รับเกียรติเข้าชมวาระสำคัญดังกล่าว
ภายในงาน ยังมีมหาเศรษฐีหลายรายเข้าร่วม อาทิ เจฟฟ์ เบโซส จากแอมะซอน มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จากเฟซบุ๊ก อิลอน มัสก์ เจ้าของเทสลา และ ซีอีโอติ๊กต็อก โชว ชื่อ ชู อย่างไรก็ตามในงานนี้ “อิลอน มัสก์” ได้ขึ้นเวทีทักทายผู้มาร่วมงานพร้อมแสดงความยินดีกับ ประธานาธิบดี “ทรัมป์” และกล่าวว่า “นี่คือความรู้สึกของชัยชนะ” (This is what victory feels like.) รวมถึงมีผู้นำและตัวแทนระดับสูงจากต่างชาติ อาทิ รอง ปธน.จีน หาน เจิ้ง นายกรัฐมนตรีอิตาลี จิออร์เจีย เมโลนี ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ฮาเวียร์ มิเล เป็นต้น
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวสุนทรพจน์หลังพิธีสาบานตนด้วยว่า “ยุคทองของอเมริกากำลังจะเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่เคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง เราจะเป็นที่อิจฉาของทุกประเทศ และเราจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกเอาเปรียบอีกต่อไป” อ่านต่อที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตน ลั่น “ทุกประเทศต้องอิจฉาสหรัฐฯ”