เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่สนามบินนานาชาติซีแอตเทิล-ทาโคมา รัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ เกิดเหตุปีกขวาของเครื่องบิน 787-9 ดรีมไลเนอร์จองสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ส (JAL) เฉี่ยวชนกับหางของเครื่องบิน 737-800 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ส (Delta Airlines) ที่จอดอยู่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลา 10.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น (01.40 น. ของวันที่ 6 ก.พ. ตามเวลาประเทศไทย) โดยสำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) กำลังสอบสวนสาเหตุ และเบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
FAA รายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินของเจแปนนแอร์ไลน์สเพิ่งลงจอด และกำลังเคลื่อนตัวอยู่บนพื้นดินเพื่อเตรียมเข้าเทียบเกต ส่วนเครื่องบินของเดลตาแอร์ไลน์สจอดนิ่งอยู่กับที่
ทางสนามบินแจ้งว่าไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ และ “ดูเหมือนว่าเครื่องบินของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์สซึ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่บนพื้นดินเฉี่ยวชนกับหางเครื่องบินของสายการบินเดลตาแอร์ไลน์สที่จอดอยู่ เรากำลังประสานงานกับทั้งสองสายการบินเพื่อนำผู้โดยสารลงจากเครื่องอย่างปลอดภัยและนำพวกเขาไปยังอาคารผู้โดยสาร”
สายการบินเจแปนแอร์ไลน์สแจ้งว่า เครื่องบินลำที่เกิดเหตุเป็นเที่ยวบินที่ 68 จากนาริตะไปซีแอตเทิล-ทาโคมา และจากผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 185 คน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่สายการบินเดลตาระบุว่า เครื่องบินลำที่ถูกชนกำลังจะออกเดินทางไปยังปวยร์โตวัลยาร์ตา โดยกำลังอยู่ระหว่างการรอน้ำแข็งละลาย บนเครื่องมีผู้โดยสาร 142 คนน ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ในวิดีโอที่โพสต์บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดียโดยชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าจะอยู่บนเครื่องบินของสายการบินเดลตา แสดงให้เห็นว่า ปลายปีกขวาของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์สดูเหมือนจะทิ่มทะลุหางของเครื่องบินสายการบินเดลตาที่อยู่ใกล้เคียง
ชายคนดังกล่าวโพสต์ว่า “ขณะที่เครื่องบินกำลังจอด เรารู้สึกถึงการลื่นไถลครั้งใหญ่ เราพบว่าปลายปีกขวาของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์สได้ทิ่มทะลุหางของเครื่องบินอีกลำด้วยปลายปีกขวา ทุกคนปลอดภัย แต่บางคนก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย”