เมื่อวันที่ 15 ก.พ. เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดไล่แทงคนในเมืองฟิลลัค (Villach) ทางใต้ของออสเตรีย เป็นเหตุให้เด็กชายวัย 14 ปีเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้กับจัตุรัสหลักของเมือง เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ตำรวจกล่าวว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชาวซีเรียอายุ 23 ปี ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างขอสถานะผู้ลี้ภัย
ตำรวจยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจได้ แต่ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านลัทธิหัวรุนแรงเข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสวนด้วย ในส่วนของผู้บาดเจ็บ 5 คนนั้น มี 2 รายที่อาการสาหัส
ตำรวจเสริมว่า ขณะเกิดเหตุ มีพลเมืองดี เป็นพนักงานขับรถส่งของชาวซีเรีย ได้ขับรถพุ่งชนคนร้ายโดยตั้งใจ เพื่อยับยั้งเหตุและป้องกันไม่ให้มีผู้ได้บาดเจ็บเพิ่มเติม โดยตัวพลเมืองดีบอกว่า เขาเห็นเหตุการณ์ขณะขับรถผ่านและตัดสินใจพุ่งชนคนร้าย
ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง 2 นายได้จับกุมผู้ต้องสงสัยได้
ในตอนแรก รายงานของพยานบางคนชี้ว่า อาจมีคนร้ายรายที่สองด้วย ส่งผลให้ตำรวจต้องสั่งปิดการเดินทางโดยรถไฟทันที
อย่างไรก็ตาม ตำรวจบอกว่า พวกเขามั่นใจว่ามีผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยผู้ก่อเหตุมีใบอนุญาตพำนักชั่วคราวและกำลังรอผลการพิจารณาคำร้องขอสถานะผู้ลี้ภัยอยู่
ในตอนแรก ตำรวจระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย แต่ต่อมามีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 ราย
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการถกเถียงกันในออสเตรียเกี่ยวกับกฎหมายการลี้ภัยและวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพรรคเสรีภาพซึ่งเป็นพรรคขวาจัดได้ชัยชนะเป็นครั้งแรก
เฮอร์เบต คิกเคิล หัวหน้าพรรคเสรีภาพ หยิบยกเหตุการณ์โจมตีที่เมืองฟิลลัคขึ้นมาพูดในแถลงการณ์ว่า “ออสเตรียจำเป็นต้องปราบปรามผู้ลี้ภัยอย่างเข้มงวด”
เรียบเรียงจาก BBC