ระหว่างการประชุมด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิกของเยอรมนี เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุว่า ตลอด 3 ปีของสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นเครื่องยืนยันถึงความจำเป็นที่ทวีปยุโรปจำเป็นต้องมีกองทัพของตัวเอง ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำหลายชาติพูดถึงมาแล้วหลายครั้ง
เซเลนสกีเตือนว่า ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปไม่สามารถมั่นใจได้อีกต่อไปว่า จะได้รับความคุ้มครองจากสหรัฐฯ หลังจากที่ในวันที่ 14 ก.พ. รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ ระบุว่าความสัมพันธ์แบบเดิม ๆระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปกำลังจะสิ้นสุดลง
นอกจากนีั ผู้นำยูเครนยังอ้างข้อมูลข่าวกรองจากหน่วยงานในประเทศที่รายงานว่า รัสเซียเตรียมส่งทหารประมาณ 100,000 ถึง 150,000 นายเข้าสู่เบลารุส ในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบุกชาติอื่นๆในยุโรป เช่นโปแลนด์ หรือประเทศริมทะเลบอลติก
ขณะเดียวกัน ราโดสลาฟ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของโปแลนด์ เปิดเผยว่าประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ได้เตรียมจัดการประชุมฉุกเฉินผู้นำชาติยุโรปที่กรุงปารีสในวันที่ 17 ก.พ. เพื่อหารือถึงความกังวลต่อท่าทีของสหรัฐฯ ที่เริ่มเดินหน้าการเจรเจาสันติภาพกับรัสเซีย โดยไม่มียุโรปร่วมอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย
ความวิตกดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก คีธ เคลล็อก ผู้แทนพิเศษด้านกิจการยูเครนของสหรัฐฯ ได้แสดงความเห็นว่า ความล้มเหลวของการพูดคุยในอดีตมีต้นเหตุจากการที่หลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป และการเจรจายุติสงครามในยูเครนขึ้นจะไม่มีผู้นำชาติยุโรปแข้าร่วมด้วย แต่สามารถให้ข้อเสนอแนะหรือข้อมูลได้
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ ที่คาดว่าจะเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย ย้ำว่า ยุโรปจะต้องยกระดับบทบาทของตัวเองในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต และอังกฤษจะพยายามทำหน้าที่รักษาความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาสันติภาพในยูเครนระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย ไมค์ แม็กคอล ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ เผยว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย เพื่อพบกับคณะของเจรจาของทั้งรัสเซียและยูเครน เพื่อเริ่มต้นกระบวนการสันติภาพ
โดยแม็กคอลเชื่อว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมที่ซาอุดีอาระเบียด้วย เพื่อจัดเตรียมการประชุมร่วมกับทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน