การหารือกันระหว่างตัวแทนของรัฐบาลรัสเซียและสหรัฐฯ ที่ซาอุดีอาระเบียเพื่อหาทางจบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ดูเหมือนจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ เกิดรอยร้าวชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์ประธานาธิบดีูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ว่าเป็นเผด็จการ และ ล้มเหลวในการบริหารประเทศ
ข้อความดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในโพสต์ของทรัมป์บน Truth Social โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึงเซเลนสกีว่าเป็นเผด็จการที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและบริหารงานได้อย่างย่ำแย่ พร้อมทั้งเตือนผู้นำยูเครนว่าควรลงมือทำงานอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะไม่มีประเทศหลงเหลืออยู่อีกต่อไป
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังอ้างว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้โน้มน้าวให้รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน มอบเงินช่วยเหลือตลอด 3 ปีที่ผ่านมาถึง 350,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 12 ล้านล้านบาท แต่ผู้นำยูเครนยอมรับว่าครึ่งหนึ่งของเงินที่สหรัฐฯ มอบให้หายไป
ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีวิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ว่า กำลังหลงเชื่อกับข้อมูลเท็จที่รัสเซียสร้างขึ้นมา ซึ่งรวมถึงข้ออ้างที่ระบุว่าตนเองมีคะแนนนิยมเหลือเพียง 4%
สำหรับ วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีของ ประธานาธิบดี เซเลนสกี ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2024 แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาสภายูเครนไม่สามารถทำได้ภายใต้กฎอัยการศึก ซึ่งรัฐบาลยูเครนบังคับใช้เมื่อเดือน ก.พ. 2022 เพื่อรับมือกับการรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซีย
การตอบโต้กันระหว่างผู้นำทั้งสอง เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. หลังจากที่ตัวแทนรัฐบาลสหรัฐฯ ได้พบปะหารือตัวแทนจากรัฐบาลรัสเซีย ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อหาทางยุติสงครามในยูเครน โดยประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความไม่พอใจที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีระบุว่ายูเครนไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการหารือที่กรุงริยาด
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 19 ก.พ. คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษด้านกิจการยูเครนของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เพื่อพบกับประธานาธิบดีเซเลนสกี
โดยเคลล็อกก์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในกรุงเคียฟระบุว่า จุดประสงค์ของการมาเยือนกรุงเคียฟในครั้งนี้คือ เพื่อรับฟังข้อกังวลของผู้นำยูเครนและนำกลับไปหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมทั้งย้ำว่าสหรัฐฯ ต้องการให้สงครามสิ้นสุดลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งยุโรปและประชาคมโลก
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัสเซีย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า การพบกันระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน และประธานาธิบดีทรัมป์ มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ก่อนสิ้นเดือน ก.พ. แต่ย้ำว่าการจัดการประชุมระดับสูงเช่นนี้ต้องใช้เวลาและการเตรียมความพร้อมค่อนข้างนาน