เป็นเวลา 3 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศเริ่ม “ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน” และเปิดฉากการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022
ตั้งแต่นั้นมายูเครนได้สูญเสียดินแดนไปเป็นจำนวนมาก แต่สามารถยึดคืนมาได้บางส่วนด้วยความช่วยเหลือทางทหารจากพันธมิตรตะวันตก ขณะที่ชาวยูเครนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน และเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอีกหลายพันคน
ยูเครนสูญเสียดินแดนไปแล้ว 1 ใน 10
ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม ยูเครนสามารถป้องกันเมืองหลวงอ่างกรุงเคียฟไว้ได้ และต่อมาได้ชัยชนะในบางส่วนของภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และภูมิภาคเคอร์ซอน ทางตอนใต้ แต่สูญเสียดินแดนจำนวนมากในพื้นที่ทางตะวันออกรอบ ๆ โดเนตสก์และบัคมุต
ตามการวิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ยูเครนสูญเสียการควบคุมดินแดนไปประมาณ 11%
แต่ถ้ารวมดินแดนที่เสียไปให้รัสเซียและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุนตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นในปี 2014 ดินแดนทั้งหมดที่ยูเครนสูญเสียให้กับรัสเซียจะอยู่ที่ประมาณ 18%
ในปี 2014 กองกำลังรัสเซียได้ผนวกภูมิภาคไครเมียไปจากยูเครนโดยมิชอบ และ ในช่วงปลายปีนั้น กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียได้เข้ายึดครองพื้นที่บางส่วนของภูมิภาคดอนบาส ซึ่งรัสเซียยังคงยึดครองพื้นที่ดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน
พันธมิตรสูญเสียงบประมาณ
สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนรายใหญ่ที่สุดให้แก่ยูเครนตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นในปี 2022 โดยให้ความช่วยเหลือด้านการทหาร มนุษยธรรม และการเงินเป็นมูลค่าประมาณ 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 47% ของความช่วยเหลือทั้งหมดที่ยูเครนได้รับ หรือเกือบครึ่งเลยทีเดียว
ขณะที่สหภาพยุโรปให้ความช่วยรองลงมาอยู่ที่ 32% มากที่สุดคือเยอรมนี 16,9000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.66 แสนล้านบาท) หรือ 8.4% ของความช่วยเหลือ ตามด้วยเดนมาร์ก 4%, เนเธอร์แลนด์ 3.9%, สวีเดน 2.8%, ฝรั่งเศส 2.6%, โปแลนด์ 2.4% และประเทศที่เหลือชาติละประมาณ 1%
ส่วนประเทศนอกสหภาพยุโรปที่ช่วยเหลือยูเครนได้แก่ สหราชอาณาจักร 8%, ญี่ปุ่น 5%, แคนาดา 4% และชาติอื่น ๆ
แต่สถานการณ์ของยูเครนตอนนี้ไม่สู้ดี เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามในยูเครนอย่างรวดเร็ว ได้วิพากษ์วิจารณ์การส่งเงินทุนของสหรัฐฯ ไปยังยูเครนตลอดการหาเสียงในปี 2024
เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ได้เสนอให้ใช้แนวทางการทำแลกเปลี่ยนในการให้ความช่วยเหลือ โดยกล่าวว่า สหรัฐฯ ควรได้สิทธิเข้าถึงแร่ธาตุหายากของยูเครนเป็นการตอบแทน ซึ่งประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้ปฏิเสธ
ความสูญเสียของประชาชน
ตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น ชาวยูเครนหลายล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเอง ไม่ว่าจะไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของยูเครนหรือประเทศอื่น ๆ
ตามข้อมูลจนถึงสิ้นปี 2024 จากหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ มีผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมากกว่า 6.3 ล้านคนอาศัยอยู่ในยุโรป อีกประมาณ 1.2 ล้านคนอยู่ในเยอรมนี เกือบ 1 ล้านคนอยู่ในโปแลนด์ และ 390,000 คนในสาธารณรัฐเช็ก
ขณะเดียวกัน มีผู้ลี้ภัยชาวอูเครน 1.2 ล้านคนอาศัยอยู่ในสหพันธรัฐรัสเซีย ตามการประมาณการล่าสุดของสหประชาชาติ ณ เดือนมิถุนายน 2024
นอกจากนี้ ตามข้อมูลของสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มีพลเรือนมากกว่า 40,000 คนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในยูเครนระหว่างความขัดแย้ง โดยผู้เสียชีวิตจำนวนมากเกิดจากอาวุธระเบิด ผู้เสียชีวิตอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง (6,203 คน) เป็นผู้ชายวัยผู้ใหญ่ และ 669 คนเป็นเด็ก
เรียบเรียงจาก CNN