เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา รัฐสภาเซอร์เบียตกอยู่ในความโกลาหล โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านขว้างระเบิดควันและแก๊สน้ำตาเข้าไปในห้องประชุมเพื่อประท้วงรัฐบาลและสนับสนุนนักศึกษาที่ออกมาประท้วง
ห้องประชุมที่มี สส.อยู่นับร้อยเต็มไปด้วยควัน หลัง สส.ฝ่ายค้านจุดพลุไฟ ขว้างระเบิดควัน และขว้างไข่ ในขณะที่บางคนลุกออกจากที่นั่งเพื่อต่อยตีกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย บางคนก็กางป้ายที่มีข้อความว่า “ชาวเซอร์เบียลุกขึ้นมาโค่นล้มระบอบการปกครอง”
จากเหตุการณ์นี้ มีสมาชิกพรรคเซอร์เบียก้าวหน้า (SNS) ที่เป็นพรรครัฐบาล ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นหญิงตั้งครรภ์ และมี 1 คนเกิดอาการสโตรก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความรุนแรงการประท้วงต่อต้านประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ วูชิช
โดยการประท้วงเริ่มต้นขึ้นหลังเกิดเหตุหลังคาสถานีรถไฟในเมืองโนวีซาด (Novi Sad) ถล่มเมื่อเดือน พ.ย. 2024 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย
โศกนาฏกรรมดังกล่าวเป็นจุดชนวนความไม่พอใจที่แฝงอยู่ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่วูชิชดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยจากการรวมตัวเพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตได้ยกระดับไปสู่การประท้วงต่อเนื่องเกือบทุกวันเป็นเวลา 4 เดือน และลุกลามไปทุกมุมของประเทศ
ชาวเซอร์เบียหลายคนเชื่อว่า หลังคาที่พังถล่มลงมาเกิดจากการทำงานที่เร่งรีบของผู้รับเหมา และการทุจริตของรัฐเซอร์เบีย
รัฐบาลวูชิชในตอนแรกเพิกเฉยต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นปฏิบัติการหลอกลวงที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลต่างประเทศเพื่อบ่อนทำลายเซอร์เบีย แต่ต่อมาได้พยายามเสนอแนวทางที่ปรองดองมากขึ้นเพื่อคุมสถานการณ์
สำหรับเหตุวุ่นวายในรัฐสภา เกิดขึ้นเนื่องจากรัฐสภาจะต้องลงมติรับรองการลาออกของนายกรัฐมนตรี มิโลส วูเชวิช ซึ่งจะลาออกเพื่อพยายามสงบความตึงเครียดทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ผู้ประท้วงมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นความพยายามของประธานาธิบดีวูชิชที่จะโยนความรับผิดชอบให้คนอื่น
ด้านประธานรัฐสภา อนา บรานาบิช กล่าวว่ารัฐสภาเซอร์เบียจะไม่ยอมนิ่งเฉยต่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และกล่าวว่า สส.ที่ก่อกวนการประชุมคือ “ผู้ก่อการร้าย”
เรียบเรียงจาก CNN