เมื่อวันที่ 9 มี.ค. กองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบินสกัดกั้นเครื่องบินพลเรือนที่บินเข้ามาในน่านฟ้าที่ถูกจำกัดชั่วคราวใกล้บ้านพักส่วนตัวในมาร์อาลาโก รัฐฟลอริดา ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
กองบัญชาการป้องกันอวกาศอเมริกาเหนือ (NORAD) กล่าวในแถลงการณ์ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ทรัมป์กำลังเล่นกอล์ฟเสร็จที่สนามกอล์ฟเวสต์ปาล์มบีช โดยเครื่องบินขับไล่ F-16 ได้ปล่อยพลุสัญญาณเพื่อแจ้งเตือนนักบินพลเรือน
การสกัดกั้นดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางเวลาของทรัมป์หรือต่อความปลอดภัยของเขา NORAD กล่าวว่า พลุสัญญาณอาจมองเห็นได้จากพื้นดิน แต่เผาไหม้อย่างรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ทั้งนี้ ตามระเบียบ เมื่อประธานาธิบดีพำนักอยู่ในที่พักอาศัยใดก็ตาม จะมีการจำกัดน่านฟ้าเหนือที่พักอาศัยนั้นในรัศมี 30 ไมล์ทะเล (ประมาณ 55 กิโลเมตร)
NORAD ระบุว่า การละเมิดน่านฟ้าชั่วคราวและการส่งเครื่องบินขับไล่ไปสกัดกั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่นับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค. พบว่ามีความถี่ของการรุกล้ำน่านฟ้าชั่วคราวมากเกินไป โดยเกิดขึ้นแล้วมากกว่า 20 ครั้ง
NORAD ยังตำหนินักบินพลเรือนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดให้ตรวจสอบข้อจำกัดน่านฟ้าก่อนขึ้นบิน
พลเอกเกรกอรี กิลโลต์ ผู้บัญชาการ NORAD และกองบัญชาการภาคเหนือของสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “การปฏิบัติตามขั้นตอนข้อจำกัดการบินชั่วคราว (TFR) เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทำแน่ใจว่า มีความปลอดภัยต่อการบิน ความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยของประธานาธิบดี ขั้นตอนเหล่านี้ไม่ใช่ทางเลือก”
เขาเสริมว่า “การละเมิด TFR จำนวนมากเกินไปในช่วงไม่นานมานี้บ่งชี้ว่านักบินพลเรือนหลายคนไม่ได้อ่าน Notice to Airmen หรือ NOTAMS ก่อนเที่ยวบินแต่ละครั้งตามที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) กำหนด และส่งผลให้เครื่องบินขับไล่ของ NORAD ตอบสนองหลายครั้งเพื่อเตือนเครื่องบินที่ละเมิดให้ออกจาก TFR”
เรียบเรียงจาก Associated Press