คณะเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนประกาศเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ว่า พลตรี อันดรี ฮนาตอฟ จะทำหน้าที่เป็นประธานเสนาธิการคนใหม่แทนที่ พลโท อนาโตลี บาร์ฮีเลวิช ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2024
โดยการปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในกองทัพยูเครนเป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่ระบุว่า พลตรีฮนาตอฟจะทำหน้าที่นำประสบการณ์ในสนามรบมาปรับใช้กับกำลังพลหน่วยต่าง ๆ สำหรับวางแผนทั่งการตั้งรับ และการรุกคืบ รวมถึงพัฒนาหน่วยรบ
ขณะที่ รุสเตม อูเมรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครนระบุว่า ขณะนี้กองทัพอยู่ในระหว่างการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสู้รบ
โดยบาร์ฮีเลวิชจะไปรับตำแหน่งผู้ตรวจการใหญ่ของกระทรวงกลาโหม ดูแลงานด้านการรักษามตารฐานทางการทหารและระเบียบวินัยของกองทัพ ขณะที่ พลเอก โอเล็กซานเดอร์ เซียร์สกี ยังคงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพยูเครนต่อไป
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกียังได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้แทนยูเครนเพื่อเจรจาสันติภาพกับพันธมิตรระหว่างประเทศ โดย อังเดรย์ เยอร์มัก หัวหน้าสำนักงานของเซเลนสกี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทน
นอกจากนี้ ในทีมยังประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรองหัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดี ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า ทางคณะได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่แล้วตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ในการประชุมกับคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย
ส่วนสถานการณ์สู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย เสนาธิการกองทัพบกของยูเครนยืนยันเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า ได้ถอนกำลังออกจากเมืองซุดชา ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญแล้ว
โดยกองทัพยูเครนได้เคลื่อนพลไปยังบริเวณใกล้ชายแดนรัสเซีย-ยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ ขณะที่ระบุในแถลงการณ์ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนได้ต้านทานการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย 19 ครั้ง และปะทะกัน 20 ครั้ง
ขณะที่ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศว่า พร้อมจะทำตามข้อเรียกร้องของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ต้องการให้รัสเซียไว้ชีวิตทหารยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ หากทหารเหล่านี้ยอมจำนนแต่โดยดี
โดยการยืนยันจากประธานาธิบดีปูตินมีขึ้นหลังจากได้พบกับ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กรุงมอสโก เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางหยุดยิงในสมรภูมิกับยูเครน
อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียไม่ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการให้รัฐบาลรัสเซียอมรับแนวทางหยุดยิง 30 วัน ซึ่งยูเครนตอบรับไปก่อนแล้ว
ขณะเดียวกัน ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย วิจารณ์จุดยืนของผู้นำฝรั่งเศสและผู้นำอังกฤษที่ต้องการส่งทหารเข้าไปทำการรักษาสันติภาพในยูเคน โดยเตือนว่าการกระทำเช่นนี้จะเท่ากับเป็นการเปิดฉากสงครามระหว่างองค์การสนธิสัญญาเหนือหรือนาโตและรัสเซีย