ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วสำหรับเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. โดย ณ วันที่ 27 มี.ค. ไฟป่าได้ผลาญพื้นที่ไป 35,810 เฮกตาร์ หรือกว่า 223,000 ไร่ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 27 รายแล้ว และยังทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ไฟป่าครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจจากกิจกรรมของมนุษย์ แต่สาเหตุหลักของความเสียหายคือพื้นที่ที่เป็นป่าสน พื้นดินที่แห้งแล้ง ลมกระโชกแรง และสภาพอากาศแห้งแล้งผิดปกติ
ป่าสน เชื้อเพลิงชั้นดี
ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติทางป่าไม้กล่าวว่า ป่าสนจำนวนมากในจังหวัดคย็องซังเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดไฟป่า เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างหนัก
อีบยองดู จากสถาบันวิทยาศาสตร์ป่าไม้แห่งชาติเกาหลีใต้ กล่าวว่า “ต้นสนมีเรซิน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนน้ำมัน ทำให้ไฟลุกลามมากขึ้นเมื่อถูกจุดติด เรซินนี้ทำให้ไฟป่าลุกลามเร็วขึ้น แรงขึ้น และนานขึ้น”
เขาเสริมว่า แม้ว่าป่าสนจะให้ที่พักพิงและอาหารแก่สัตว์ป่าในท้องถิ่น และบางครั้งช่วยต้านลม แต่ต้นสนกลับกลายเป็นปัญหาในช่วงที่เกิดไฟป่า “เนื่องจากป่าในเกาหลีใต้มีต้นสนอยู่เป็นจำนวนมาก พื้นที่ดังกล่าวจึงเปราะบางเป็นพิเศษเมื่อเกิดไฟไหม้”
ยิ่งไปกว่านั้น ต้นสนยังคงใบอยู่ตลอดฤดูหนาว ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ป่าที่ลุกลามโดยการเผากิ่งก้านและใบที่หนาแน่นบนยอดไม้ ส่งผลให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วและกว้างขวางในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกาหลีใต้มีพื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีนและเกาหลีเหนือ
แบค มินโฮ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันภัยพิบัติจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติคังวอน กล่าวว่า “ปัจจุบันภูเขาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยใบไม้ร่วงและต้นสน ... การสะสมของต้นไม้เหล่านี้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟป่าลุกลามเร็วขึ้น”
ลมแรง อากาศแห้ง เสริมความแรง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟป่าครั้งนี้รุนแรงเช่นกัน
อี ฮันคยอง หัวหน้าฝ่ายรับมือภัยพิบัติของเกาหลีใต้ กล่าวว่า “ไฟป่าครั้งนี้ได้เผยให้เห็นความจริงอันเลวร้ายของวิกฤตสภาพอากาศที่ไม่เหมือนกับที่เราเคยพบเจอมาก่อนอีกครั้ง”
สภาพแวดล้อมที่ทำให้ไฟป่าลุกลามเป็นประวัติการณ์นี้ได้ก่อตัวขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอุณหภูมิที่สูงกว่า 20 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงผิดปกติสำหรับฤดูใบไม้ผลิของเกาหลีใต้
ความร้อนที่ผิดปกติทำให้พื้นดินและอากาศแห้งแล้ง ทำให้ไฟลามเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรวมกับลมแรง
ต้นไม้ปกคลุมหนาแน่นและลมแรงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้ยังเป็นความท้าทายที่สำคัญต่อความพยายามในการดับเพลิงอีกด้วย
พื้นที่เกิดเหตุมีแต่ผู้สูงอายุ
ตัวเลขผู้เสียชีวิต 27 รายนี้ทำให้นี่เป็นไฟป่าที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในเกาหลีใต้ ส่วนใหญ่มีอายุ 60-70 ปี
จังหวัดคย็องซังเหนือเป็นจังหวัดที่มีผู้สูงอายุมากเป็นอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมตัวเลขผู้เสียชีวิตค่อนข้างสูง เรื่องจากการอพยพผู้สูงอายุในกรณีภัยพิบัติเป็นเรื่องยาก เนื่องจากพวกเขาอาจมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวหรือมีความเสี่ยงต่อสุขภาพอื่น ๆ รวมถึงอาจมีปัญหาในการเข้าถึงหรือตีความคำสั่งอพยพมากกว่าประชากรกลุ่มอื่น
รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ฮัน ดักซู กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ “น่าเป็นห่วง” ที่เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ไปจังหวัดคย็องซังเหนือเพื่อดูแลความพยายามในการบรรเทาทุกข์
เรียบเรียงจาก BBC