“โป๊ปเลโอที่ 14” ประกอบพิธีมิสซาครั้งแรก ชูศาสนจักรเป็นประภาคารที่ส่องสว่าง

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 หรือ “โป๊ปเลโอที่ 14” ประมุขแห่งคริสตจักรโรทันคาทอลิก ทรงประกอบพิธีมิสซาครั้งแรกขึ้นที่โบสถ์น้อยซิสทีนในนครัฐวาติกัน โดยทรงเรียกร้องให้ศาสนจักรใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการตอบโต้กับภาวะการขาดความศรัทธาที่กำลังลดลง

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในวันรุ่งขึ้นหลังจากพระองค์ทรงได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 267 เป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา

Reuters/Vatican Media/Simone Risoluti/Handout

ในคำเทศนาของพระองค์ สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ตรัสว่า มีหลายสถานที่ในโลกที่ศาสนาคริสต์ ถูกมองว่า “ไร้สาระ” โดยถูกแทนที่ด้วยอำนาจ ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง เทคโนโลยีและความสุขทางโลกแทน แต่สถานที่เหล่านี้เองที่จำเป็นต้องมีการเผยแผ่ศาสนาเป็นการเร่งด่วน

โป๊ปเลโอที่ 14 ตรัสว่า การขาดศรัทธา มักมาพร้อมกับการสูญเสียความหมายในชีวิต การละเลยความเมตตา การละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างน่าสลดใจ วิกฤตครอบครัว และบาดแผลอื่น ๆ มากมาย ที่รุมเร้าสังคมในปัจจุบัน พร้อมย้ำว่า พระองค์ได้รับเลือกให้เป็น “ผู้บริหารที่ซื่อสัตย์” ของคริสตจักรซึ่งทำหน้าที่เป็นประภาคารที่ส่องแสงสว่างในค่ำคืนอันมืดมิดของโลกใบนี้

ขณะที่ในช่วงเกริ่นนำอย่างไม่เป็นทางการ ก่อนเริ่มเทศนา โป๊ปเลโอที่ 14 ยังได้เรียกร้องให้เกิดความเป็นเอกภาพในคริสตจักร ด้วยการตรัสกับเหล่าคาร์ดินัลเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงอเมริกันว่า ข้าพเข้ารู้ว่าข้าพเข้าสามารถพึ่งพาทุกท่านในการเดินร่วมทางกับข้าพเจ้าได้

การขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ของโป๊ปเลโอที่ 14 ซึ่งมีพระนามเดิมขณะดำรงตำแหน่งพระคาร์ดินัลว่า “โรเบิร์ต ฟรานซิส พรีโวสต์” ได้รับการเฉลิมฉลองจากผู้ทีนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกทั่วโลกกว่า 1,400 ล้านคน โดยอย่างยิ่งในสหรัฐฯ บ้านเกิดของพระองค์และในเปรู ซึ่งพระองค์เคยทำงานรับใช้ศาสนาเป็นเวลากว่า 20 ปี

พระองค์ทรงปรากฏตัวบนระเบียงหลังจากได้รับการแนะนำให้โลกรู้จักในฐานะพระสันตะปาปาองค์ใหม่ โดยตรัสถ้อยคำแรกกับฝูงชนว่า พระองค์มีวิสัยทัศน์ของคริสตจักร “นักธรรมทูต” ที่สร้างสะพาน เชื่อมการพูดคุยและเปิดกว้างอยู่เสมอ

โป๊ปเลโอที่ 14 ถูกมองว่ามีแนวทางเดียวกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและผู้ยากไร้ และได้รับการยกย่องในความพยายามทำให้คริสตจักรเปิดกว้างสู่โลกภายนอกมากขึ้น

ในบทบาทสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ พระองค์ต้องเผชิญภารกิจใหญ่นำคริสตจักรในช่วงเวลาที่โลกมีความขัดแย้งมากมาย โดยผู้สังเกตการณ์หวังว่าพระองค์จะเป็นเสียงแห่งสันติภาพ ท่ามกลางกระแสความแตกแยกในเวทีโลก

การปรากฏตัวครั้งต่อไปของพระองค์ในการสวดภาวนาสรรเสริญพระแม่มารี (Regina Coeli) ในวันที่ 11 พ.ค. ตามมาด้วยการแถลงข่าวในวันที่ 12 พ.ค. จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าพระองค์จะนำศาสนจักรไปในทิศทางใดและจะเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาในรูปแบบใด