ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่าน เปิดเผยกับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า ประเทศของเขาเตรียมพร้อมสำหรับสงครามใด ๆ ที่อิสราเอลอาจก่อขึ้น และยืนยันว่า อิหร่านมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติต่อไป
เปเซชเคียนได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับอัลจาซีรา ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ครั้งแรกของผู้นำอิหร่าน นับตั้งแต่สิ้นสุดความขัดแย้ง 12 วันกับอิสราเอลเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนที่สหรัฐฯ จะเข้าแทรกแซงโดยเปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ชาติตะวันตกกล่าวว่า พวกเขากำลังหาทางจัดการความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ที่อิหร่านยังคงดำเนินอยู่หลังจากความขัดแย้ง ท่ามกลางรายงานที่ว่า การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้นสร้างความเสียหายน้อยกว่าที่สหรัฐฯ อ้าง
“เราเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเคลื่อนไหวทางทหารครั้งใหม่ใด ๆ ของอิสราเอล และกองกำลังติดอาวุธของเราพร้อมที่จะโจมตีลึกเข้าไปในอิสราเอลอีกครั้ง” เปเซชเคียนกล่าวกับอัลจาซีรา
ประธานาธิบดีอิหร่านยังกล่าวถึงการหยุดยิงของอิสราเอลว่า “เราไม่ค่อยมั่นใจนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือเหตุผลที่เราเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและทุกการตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้น อิสราเอลทำร้ายเรา และเราก็ทำร้ายพวกเขาเช่นกัน พวกเขาโจมตีเราอย่างรุนแรง และเราได้โจมตีพวกเขาอย่างหนักหน่วง แต่พวกเขากำลังปกปิดความสูญเสีย”
เขาเสริมว่า การโจมตีของอิสราเอล ซึ่งสังหารบุคคลสำคัญทางทหารและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ และสร้างความเสียหายให้กับโรงงานนิวเคลียร์ ล้วนพยายามที่จะกำจัดชนชั้นนำของอิหร่าน “แต่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง”
มีผู้เสียชีวิตในอิหร่านมากกว่า 900 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 คนในอิสราเอล ก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 มิ.ย.
เปเซชเคียนยืนยันว่า อิหร่านจะยังคงดำเนินโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมต่อไป แม้จะมีการคัดค้านจากนานาชาติ โดยกล่าวว่า การพัฒนาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านจะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ
“ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า อิหร่านไม่ควรมีอาวุธนิวเคลียร์ และเรายอมรับสิ่งนี้ เพราะเราปฏิเสธอาวุธนิวเคลียร์ และนี่คือจุดยืนทางการเมือง ศาสนา มนุษยธรรม และยุทธศาสตร์ของเรา” เปเซชเคียนกล่าว
เขาเสริมว่า “เราเชื่อมั่นในการทูต ดังนั้นการเจรจาใด ๆ ในอนาคตต้องเป็นไปตามหลักที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และเราจะไม่ยอมรับการคุกคามและคำสั่ง ... คำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าโครงการนิวเคลียร์ของเราสิ้นสุดลงแล้วนั้น เป็นเพียงภาพลวงตา”
ประธานาธิบดีอิหร่านบอกว่า “ขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของเราอยู่ในสมองของนักวิทยาศาสตร์ของเรา ไม่ใช่ในโรงงาน”
เปเซชเคียนยังได้กล่าวถึงความพยายามของอิสราเอลที่จะลอบสังหารเขาในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดในกรุงเตหะรานเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ซึ่งมีรายงานว่าเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เมื่อถูกถามถึงความพยายามลอบสังหารครั้งนั้น เขากล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของผู้บัญชาการอิสราเอลที่จะโจมตีผู้นำทางการเมืองของอิหร่าน หลังจากการลอบสังหารบุคลากรทางทหารระดับสูง เพื่อ “สร้างความวุ่นวายในประเทศเพื่อโค่นล้มอิหร่านอย่างสิ้นเชิง” แต่เขากล่าวว่าแผนดังกล่าวล้มเหลว
เขายังเน้นย้ำด้วยว่า การที่อิหร่านโจมตีฐานทัพอัลอูดีดของกาตาร์ หลังจากสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ไม่ใช่การโจมตีกาตาร์และประชาชน
“เราไม่มีแม้แต่ความคิดหรือจินตนาการว่าควรมีความเป็นปรปักษ์หรือการแข่งขันระหว่างเรากับรัฐกาตาร์” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า ในวันที่เกิดการโจมตี เขาได้โทรศัพท์ถึง ชีค ทามิม บิน ฮามัด อัลธานี เจ้าผู้ครองนครกาตาร์ เพื่ออธิบายจุดยืนของเขา
“ผมขอพูดอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาว่า เราไม่ได้โจมตีรัฐกาตาร์ แต่เราโจมตีฐานทัพของอเมริกาที่ทิ้งระเบิดประเทศของเรา ทั้งที่เจตนาทั้งหมดของเราที่มีต่อกาตาร์และประชาชนนั้นล้วนแต่ดีและเป็นไปในทางบวก” เปเซชเคียนกล่าว
เรียบเรียงจาก Al Jazeera