ลอง ดีมันเช รองผู้ว่าราชการจังหวัดสีหนุวิลล์ ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุประท้วงในย่านไชนาทาวน์ของเมือง หลังจากมีผู้โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊กที่กลายเป็นไวรัล ซึ่งมีคลิปวิดีโอสั้น ๆ หลายคลิปที่แสดงให้เห็นความไม่สงบและความเสียหายต่อทรัพย์สินที่อาคารแห่งหนึ่งในย่านไชนาทาวน์ของสีหนุวิลล์
โพสต์ดังกล่าวอ้างว่า “ชาวอินโดนีเซียและอินเดียหลายพันคนได้ร่วมกันประท้วง” และอาคารที่พักอาศัยของพนักงานไชนาทาวน์ถูกทำลายระหว่างการประท้วง
มีรายงานว่าเหตุการณ์ประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.20 น. ของเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 68 ซึ่งสร้างความกังวลอย่างรวดเร็วทั้งในหมู่ชาวท้องถิ่นและชุมชนนานาชาติ
ดีมันเชบอกว่า ตรงกันข้ามกับรายงานที่เผยแพร่อย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดีย การประท้วงครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวอินโดนีเซียหรือชาวอินเดียเป็นหลัก แต่เป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างพนักงานชาวปากีสถานและนายจ้างชาวจีน
ดีมันเชย้ำว่า ข้อมูลในโพสต์ดังกล่าวไม่ถูกต้อง และขอให้สาธารณชนและสื่ออ้างอิงแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการเท่านั้น “มีการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจริง ๆ แต่เกี่ยวข้องกับคนงานชาวปากีสถานและนายจ้างชาวจีน ไม่ใช่ชาวอินโดนีเซียหรือชาวอินเดีย”
ดิมันเชกล่าวว่า ความไม่สงบเกิดจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากคำพูดบางอย่างเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาสร้างความขุ่นเคืองใจอย่างมากต่อแรงงานชาวปากีสถาน จนนำไปสู่ความรุนแรง
หลังจากนั้น ตำรวจสีหนุวิลล์ได้ควบคุมตัวชาวปากีสถานมากกว่า 50 คน และชาวจีนอีก 2 คนเพื่อสอบสวน ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสีหนุวิลล์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ยังคงประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการประท้วงอย่างเต็มที่ โดยรายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่เปิดเผย ขณะที่ตำรวจยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สถานทูตอินโดนีเซียออกมาชี้แจง โดยแก้ไขข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของชาวอินโดนีเซีย และย้ำถึงความมุ่งมั่นของสถานทูตในการรับรองว่าพลเมืองอินโดนีเซียในกัมพูชาปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นและรักษาพฤติกรรมที่สงบสุข
“สถานทูตขอแนะนำให้ชาวอินโดนีเซียทุกคนที่อาศัยอยู่ในกัมพูชาปฏิบัติตามกฎหมายของราชอาณาจักรและเคารพชุมชนและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง” สถานทูตอินโดนีเซียระบุ
สีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านแรงงานหลากหลายวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู กำลังเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อพิพาทแรงงานระหว่างชุมชนชาวต่างชาติ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงความสมดุลที่ละเอียดอ่อนที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องรักษาไว้ในการจัดการกับความแตกต่างทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นย้ำถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ผิดพลาดซึ่งอาจก่อให้เกิดความตึงเครียดและบั่นทอนความปลอดภัยสาธารณะ
เรียบเรียงจาก Khmer Times