จากกรณีนักศึกษาเกาหลีใต้วัย 22 ปีถูกจับทรมานเสียชีวิต ทำให้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ สั่งการยกระดับคำเตือนเดินทางไป "กัมพูชา" เป็นระดับพิเศษ เตือนชาวเกาหลีเลี่ยงเดินทางหากไม่จำเป็น
ล่าสุด เสียม สกเขง ประธานสมาคมมัคคุเทศก์ภาษาเกาหลีในกัมพูชา บอกกับสำนักข่าวพนมเปญโพสต์ว่า กัมพูชาไม่ได้เป็นสถานที่อันตรายสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ใต้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งหลอกลวงออนไลน์อยู่แล้ว
เขาระบุว่า ตลอดทริปนำเที่ยว 10 วันในเดือนนี้ เขาได้พาชาวเกาหลีใต้ท่องเที่ยวทั่วประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านั้นยืนยันว่ากัมพูชาปลอดภัย ถึงแม้พวกเขาจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับแก๊งหลอกลวงก่อนเดินทางมาก็ตาม
เสียมเสริมว่า โชคไม่ดีที่ผู้ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่เดินทางมาเพื่อพบกับคนที่รู้จักผ่านทางออนไลน์ ไม่ได้มาในฐานะนักท่องเที่ยวจริง ๆ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจที่ผู้นำเกาหลีใต้ไม่ได้แยกแยะระหว่างกรณีของแก๊งหลอกลวงกับการท่องเที่ยว
เสียมยังเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้ให้ความรู้แก่ประชาชนมากขึ้น เพื่อให้รู้ทันอุบายของมิจฉาชีพ และแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
เช่นเดียวกับ กิน เพีย ผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำราชวิทยาลัยแห่งกัมพูชาที่เห็นด้วยว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ควรให้คำแนะนำพลเมืองของตนก่อนเดินทางไปต่างประเทศทุกแห่ง ไม่ใช่เพ่งเล็งเฉพาะกัมพูชา
กินระบุว่า แรงกดดันทางการทูตจากผู้นำเกาหลีใต้นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว กลับยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแย่ลง พวกเขาควรร่วมมือกันต่อสู้กับอาชญากรรมเหล่านี้ เนื่องจากเป็นอาชญากรรมไร้พรมแดน การแก้ไขต้องอาศัยความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกัมพูชาเท่านั้น
ด้าน ทุช สุขะ โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชากล่าวกับพนมเปญโพสต์ว่า คดีหลอกลวงออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับชาวเกาหลีใต้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกัมพูชา และบางประเทศก็มีอาชญากรรมที่ร้ายแรงยิ่งกว่ากัมพูชา
เขาระบุว่า การเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้รายนี้ไม่ควรถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ เพราะเป็นผลจากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน พร้อมย้ำว่ากัมพูชาต้อนรับความร่วมมือจากนานาชาติในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือการสนับสนุนทางเทคนิค
ขณะเดียวกัน โช ฮยอน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณา “มาตรการพิเศษ” เพื่อรับมือกับจำนวนชาวเกาหลีใต้ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งหลอกลวงและการกักขังในกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้เครื่องบินลำเลียงเพื่อรับตัวผู้รอกลับประเทศกลับบ้านโดยตรง
โชกล่าวถ้อยแถลงนี้ระหว่างการตอบกระทู้ถามเพื่อตรวจสอบการทำงานของกระทรวงในรัฐสภา ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของสาธารณชนและความกังวลด้านความปลอดภัย ภายหลังเหตุการณ์นักศึกษาเกาหลีใต้ถูกทรมานจนเสียชีวิตในกัมพูชาเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา
คำร้องขอความช่วยเหลือจากชาวเกาหลีใต้ที่ติดอยู่หรือถูกแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชาล่อลวงเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยข้อมูลจากชุมชนชาวเกาหลีในกัมพูชาระบุว่า มีชาวเกาหลีใต้อย่างน้อย 300 คนที่ได้รับการส่งตัวกลับประเทศแล้วในปีนี้
ชอง มยองกยู ประธานสมาคมชาวเกาหลีในกัมพูชา กล่าวทางโทรศัพท์กับสถานีวิทยุ CBS ว่า ทุกสัปดาห์จะมีคนติดต่อขอความช่วยเหลือกับทางสมาคมราว 5 ถึง 10 คน เพื่อหลบหนีออกมา
เขากล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือมักเป็นเหยื่อของการกักขัง การทำร้ายร่างกาย และการถูกบังคับให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมผิดกฎหมาย พวกเขามักหนีออกมาโดยไม่มีหนังสือเดินทางหรือทรัพย์สินใด ๆ และต้องนั่งแท็กซี่ตรงไปยังสถานทูตหรือที่ทำการสมาคมทันที
ด้านคณะกรรมาธิการการต่างประเทศและการรวมชาติของรัฐสภาเกาหลีใต้ มีแผนจะเดินทางไปยังกัมพูชาสัปดาห์หน้า เพื่อรับฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โดยตรง โดยจะประชุมที่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในกรุงพนมเปญ ในวันที่ 22 ต.ค. เพื่อประเมินสถานการณ์การหลอกลวงและอาชญากรรมอื่นๆ ที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีในกัมพูชา