นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยถึง การเซ็นสัญญา MOU โอนสินทรัพย์ 5,000 ล้านบาทของตนไปยังกองทุน Blind trust โดยให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด เพื่อการบริหารจัดการทรัพย์สินของตนหลังการเลือกตั้ง ว่า เพื่อสร้างมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เพราะการที่นักธุรกิจเข้ามาทำงานการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ของประเทศไทย แต่ในต่างประเทศหากเกิดกรณีในลักษณะนี้ได้มีการสร้างมาตรฐานให้สาธารณะชนไว้วางใจนักการเมือง
กองทุน “Blind trust” แยกการเมืองจากธุรกิจได้จริงหรือ
โดยรูปแบบที่แพร่หลายที่สุดคือ "กองทุน Blind trust" คือ การโอนทรัพย์ของผู้ที่เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าไปใน trust หรือ กองทุน เพื่อให้กองทุนเป็นผู้ดูแล โดยเจ้าของสินทรัพพย์ไม่มีอำนาจในการสั่งการใดๆ แบะในสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทำแบบนี้หลายคนเพื่อแสดงความเป็นจริยธรรมที่ไม่ได้บังคับ แต่เป็นทางเลือกให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินใจเอง
เขาบอกด้วยว่า เมื่อตนเอาทรัพย์สินไปไว้ในกองทุนแล้ว ทุกอย่างจะจบ โดยในสัญญาระบุว่า ตนจะได้กรรมสิทธิ์ในกองทุนกลับมาบริหารเอง หลังจากออกจากตำแหน่งทางการเมือง 3 ปี
ส่วนการเป็นผู้บริหารในกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท นั้น ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงานของผู้บริหารชุดใหม่ รวมทั้งที่ผ่านมาบริษัทไทยซัมมิท ก็ไม่เคยเข้าไปเป็นคู่สัญญารายใหญ่กับรัฐเลย โดยรายได้ 100% มาจากต่างประเทศ
สำหรับการลงนามโอนทรัพย์สินในครั้งนี้ หลายคนตั้งสังเกตว่า ถอดบทเรียนจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกยึดทรัพย์ใช่หรือไม่ นายธนาธร บอกว่า ไม่ได้มีแค่นายทักษิณเท่านั้น ตนอยากสร้างมาตรฐานใหม่ให้นักธุรกิจที่มาทำงานการเมือง เชื่อว่าหลายคนในหลายพรรคการเมืองอื่น ก็มีนักธุรกิจจึงอยากทำให้เป็นตัวอย่างว่า ถ้าเราทำงานการเมืองแบบนี้แล้ว ควรจัดการกับทรัพย์สินอย่างไร
เปิดประวัติ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ผู้ปรารถนาจะเป็น "นายกฯ"
ธนาธร อัด "ประยุทธ์" ส่งคลิปขึ้นเวทีหาเสียง ไม่สง่างาม
“ธนาธร” ปัด เสนอพา “ทักษิณ” กลับบ้าน