ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่ยังคงวิกฤติ ชาวนาในพื้นที่ หมู่ 11 ตำบลทับกฤช อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ ต้องปล่อยให้ต้นข้าวที่อายุกว่า 1 เดือน ยืนต้นแห้งตายเป็นจำนวนรวมกว่านับพันไร่ หลังน้ำในคลองสาธารณะที่เชื่อมต่อกับบึงบอระเพ็ด และบ่อน้ำที่กักเก็บไว้ในพื้นที่แห้งขอดจนไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาทำการเกษตรได้ สร้างความเสียหายและขาดทุนอย่างหนัก ปัญหานี้ยังเกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจยาวนานขึ้น แต่อยู่ในวงจำกัด คาดว่ามูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจอาจเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 1,000 ล้านบาท หากภัยแล้งลากยาวไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2562 อาจทำให้เกิดมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 17,300 ล้านบาท โดยประเมินความเสียหายของข้าวนาปรังและอ้อยเป็นหลัก
โดยสวนทางกับศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ระบุว่า ผลกระทบปัญหาภัยแล้งต่อเศรษฐกิจ ปี 2562 จะส่งผลกระทบต่อความเสียหายทางด้านต้นทุนเพียง 180 ล้านบาท โดยคาดว่าภัยแล้งกระทบพื้นที่เพาะปลูกเพียง 20,000 ไร่ แต่เชื่อมั่นว่าจะกรมชลประทานจะสามารถบริหารจัดการให้เพียงพอต่อการใช้ของเกษตรกร จนสามารถเก็บเกี่ยวได้ ไม่มีความเสียหายที่รุนแรง เนื่องจากมีมาตรการต่าง ๆ รองรับอยู่แล้ว เช่น การระบายระดับชลประทาน การแจกจ่ายน้ำ และการทำฝนเทียม
ด้าน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยงเกิดภัยแล้งและแนวทางการให้ความช่วยเหลือที่ผ่านมา ในระยะสั้นได้จัดหารถบรรทุกน้ำแจกจ่ายในพื้นที่ประสบภัย จัดซื้อภาชนะบรรจุสำรองน้ำ ซ่อมแซม ขุดบ่อบาดาล ขุดลอกแหล่งน้ำ ก่อสร้างและซ่อมแซมระบบกระจายน้ำ ทำให้พื้นที่ต่าง ๆ สามารถผ่านพ้นฤดูแล้งปีนี้ไปได้ ส่วนในระยะกลาง คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางจำนวน 1,226 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความจุให้กับแหล่งน้ำธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำอื่น ๆ ทั้งนี้ ในแหล่งน้ำต่าง ๆ ทั่วประเทศมีปริมาณน้ำ 45,476 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 56 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณน้ำ และศักยภาพน้ำบาดาล 1,228 ล้านลูกบาศก์เมตร
กมลธร โกมารทัต รายงาน